|
|
|
|
|
[2799] กระบกกรัง ( Hopea helferi) DIPTEROCARPACEAE กระบกกรัง,ตะเคียนหนู(น่าน),กระบากดำ(ตรัง),ตะเคียนขี้ไก่(พังงา), ปราง(กำแพงเพชร),หงอนไก่(สุราษฎร์ธานี,ตรัง)
|
ท้องที่ที่ขึ้น
ขึ้นในป่าดงดิบในภาคตะวันออก ตะวันตกเฉียงใต้ และภาคใต้ ที่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน ๑๐๐ เมตร |
ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ ๑๕-๓๐ เมตร ลำต้นส่วนที่เปลาไม่ยาวนัก และมักบิดโคนเป็นพูค่อนข้างโต เรือนยอดกว้าง รูปทรงไม่แน่นอน ใบรูปขอบขนาน ขนาด ๔-๗ * ๙-๑๒ ซม.โคนเบี้ยวและหยักเว้าเข้า คล้ายรูปหูใบ ปลายมนหรือเรียวแหลม เนื้อค่อนข้างหยาบ หลังใบเกลี้ยงเป็นมัน ท้องใบสีขาวหรือสีเงิน และมักมีตุ่มสีน้ำตาลที่เกิดจากแมลง กระจายห่างๆกัน หลังใบอ่อนสีน้ำตาลปนม่วง ตามกิ่งและก้านใบจะมีขนยาวๆ ดอกสีเหลืองอ่อนกลิ่นหอม ออกเป็นช่อโตๆตามง่ามใบและปลายกิ่ง ผลรูปไข่ขนาดเล็กๆ มีปีกยาว รูปขอบขนาน หุ้มมิดผลตอนล่าง ๒ ปีก เปลือกสีน้ำตาลปนเทาอ่อน แตกเป็นสะเก็ดอ้าทั่วไป เปลือกใต้สะเก็ดสีน้ำตาลแก่ เปลือกในสุดสีชมพู มักมียางสีเหลืองอ่อนๆซึม กระพี้สีเหลืองอ่อน หรือน้ำตาลอมเหลือง |
ลักษณะเนื้อไม้
สีน้ำตาลแดงอมเหลือง คล้ายใบเต็ง เสี้ยนค่อนข้างสน เนื้อละเอียดปานกลาง แข็ง เหนียว ไสกบ ตบแต่งค่อนข้างยาก ขัดชักเงาได้ดีพอสมควร |
ความถ่วงจำเพาะ
ประมาณ ๐.๘๑ |
สกายสมบัติ
มีอัตราการยืดหดตัว ทางด้านรัศมีประมาณร้อยละ ๔.๘๘
ทางด้านสัมผัสประมาณร้อยละ ๙.๙๘
ทางด้านยาวตามเสี้ยนประมาณร้อยละ ๐.๒๔
|
กลสมบัติ
เนื้อไม้มี ความแข็ง ประมาณ ๗๘๘ กก.
ความแข็งแรง ประมาณ ๑,๑๖๒ กก. / ตร.ซม.
ความดื้อ ประมาณ ๑๒๐,๐๐๐ กก. / ตร.ซม.
ความเหนียว ประมาณ ๖.๗๔ กก.-ม.
|
เคมีสมบัติ
|
ความทนทานตามธรรมชาติ
|
การอาบน้ำยาไม้
|
ประโยชน์
ไม้ ใช้ในการก่อสร้างที่อยู่ในร่ม เช่น เสา คาน รอด ตง ฯลฯ |
|
|