.ปีสองห้าสามสามหนึ่งกันยา
เสียงปืนก้องกลางป่าห้วยขาแข้ง
ปลิดชีพ"สืบ นาคะเสถียร"บทเรียนแพง
โหมไฟแรงแสงเจิดจ้าอนุรักษ์
.สูญคนดียอมพลีกายให้เเก่ชาติ
มุ่งเรียนมาวนศาสตร์องอาจนัก
เพื่อพงไพรสัตว์ป่าพาพิทักษ์
พร้อมปกปักป้องอยู่คู่แผ่นดิน
.อุดมการณ์ก่อไว้ไม่เคยเปลี่ยน
ยิ่งได้เรียนเพียรสรรค์ไปใจถวิล
เห็นป่าโทรมสัตว์โดนล่าน้ำตาริน
ทุกท้องถิ่นถูกทำลายแต่ไรมา
.ทุ่มกายใจในพื้นที่ทั้งวิจัย
มุ่งรักษ์ไพรพงชัฏคู่สัตว์ป่า
สานภาคีทั้งเทศไทยได้นำพา
แม้เสี่ยงภัยใหญ่หนักหนากล้าสู้ไป
.เหนื่อยหลายปีที่เพียรย้ำทำงานหนัก
น้อยคนนักจักเหลียวแลสุดแก้ไข
หมายสังคมหันตระหนักร่วมหลักชัย
ตัดสินใจเด็ดขาดยิ่งยิงตนเอง
.มีกี่คนรักป่าพร้อมยอมตัวตาย
แสนเสียดายในศักดิ์ศรีดีและเก่ง
บทเรียนสร้างคุณค่ามาหลายเพลง
กระตุ้นเร่งอนุรักษ์พิทักษ์ไพร
.ดลนิสิตคิดศึกษาวนศาสตร์
การประกาศมรดกโลกป่าไม้
มูลนิธิฯหลายองค์การสืบสานไป
หลากผู้คนสนใจเพื่อไพรวัน
.เสียงปืนลั่นหนึ่งกันยาห้วยขาแข้ง
เร่งเปล่งแสงส่องพนาคุณมหันต์
บทเรียน"สืบ นาคะเสถียร"คนเพียรกัน
รักษ์ไพรมั่นเคียงสัตว์ป่าค่าแผ่นดิน
.ครูนิด วนศาสตร์(ชมรมสีเสียดแก่น)
www.lookforest.com
หมายเหตุ: ขอบพระคุณพี่สมพร ไชยจรัส
วน.35
ที่กรุณาให้ความอนุเคราะห์คำแนะนำและข้อมูลบางส่วนประกอบการเขียนกลอนบทนี้
ซึ่งได้นำตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ ปีที่18 ฉบับที่2 ธันวาคม 2565
แรงดลใจ:
เป็นที่รับรู้กันทั่วไปในสังคมไทยส่วนใหญ่เกี่ยวกับ"พี่สืบ นาคะเสถียร วน.35" ว่า เป็นป่าไม้ที่มีอุดมการณ์สูงส่ง
ยากหาใครมาเปรียบเทียบได้ โดย"พี่สืบ"ได้ใช้ปืนยิงตัวเองจนถึงความตาย
เมื่อตอนเช้ามืดของวันที่ 1 ก.ย.2533
ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี
ซึ่งตัวเองได้รับมอบหมายจากกรมป่าไม้ให้ทำหน้าที่หัวหน้าอยู่ โดยในที่เกิดเหตุมีกระดาษแผ่นหนึ่งที่"พี่สืบ"เขียนสั้นๆไว้ว่า
"ผมมีเจตนาที่จะฆ่าตัวเอง โดยไม่มีผู้ใดเกี่ยวข้องกับกรณีนี้ทั้งสิ้น"
อันเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า
การตายของ"พี่สืบ"มิได้มีสาเหตุจากการกระทำของผู้อื่น หากแต่เกิดจากตัวเองที่น่ามุ่งหวังให้เกิดผลกระทบต่อส่วนรวมต่อไป
ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากตั้งแต่"พี่สืบ"เข้ามารับตำแหน่งที่นี่เมื่อปี
พ.ศ.2532
ต้องพบกับปัญหาต่างๆมากมายในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งที่รับผิดชอบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและการล่าสัตว์ป่าจากผู้มีอิทธิพล
กับทั้งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาถูกลอบยิงเสียชีวิต
นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับปัญหาความยากจนของชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบป่า
ซึ่งปัญหาต่างๆเหล่านี้พี่สืบได้นำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
แต่ไม่เคยได้รับความสนใจจากผู้ใดเลย
จึงมุ่งหวังให้การตายของตนได้สร้างกระแสในสังคมต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ป่าไม้ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม
การตายของ"พี่สืบ"นับว่าได้ส่งผลที่ยิ่งใหญ่
ต่อการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าของเมืองไทยอย่างคาดไม่ถึง
โดยพบว่าเป็นแรงบันดาลใจนักเรียนให้สอบเข้ามาเป็นนิสิตของคณะวนศาสตร์จำนวนมาก
โดยเลือกเรียนที่เน้นในด้านการจัดการสัตว์ป่า
ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมีนิสิตให้ความสนใจเรียนไม่มากนัก
นอกจากนี้คนไทยส่วนหนึ่งหันมาให้ความสนใจต่อการอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าในหลายรูปแบบ
จนมีการตั้งมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ที่มีการดำเนินงานสานต่อเจตนารมณ์ของ"พี่สืบ"มาจนถึงวันนี้
ที่สำคัญอีกด้าน ก็คือ
รายงานเบื้องต้นที่"พี่สืบ"เคยจัดทำเสนอต่อยูเนสโก(UNESCO) ไว้ก่อนหน้านั้น
ได้ถูกสานต่อจนมีการประกาศให้ป่าห้วยขาแข้งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่มรดกโลก
อันเป็นสิ่งค้ำประกันให้พื้นที่ป่าไม้แห่งนี้ได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่
ความดีของ"พี่สืบ"ได้มีการนำมาถ่ายทอดให้สังคมได้รับรู้ในหลากรูปแบบและกิจกรรมตั้งแต่ปี
พ.ศ.2533 จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งได้พยายามติดตามมาตลอดตามโอกาสที่อำนวย
แม้ในชีวิตนี้ไม่เคยรู้จัก"พี่สืบ"เป็นการส่วนตัวเพราะเป็นรุ่นน้องถึง 8
รุ่น ซึ่งได้เคยพบตัวจริงเพียงครั้งเดียวที่กรมป่าไม้
แต่ก็ให้ความนับถือและศรัทธา"พี่สืบ"เป็นอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว
ในการเสียสละชีพของตัวเองเพื่อปลุกกระแสการอนุรักษ์
เมื่อได้รับการประสานงานจากพี่สมพร ไชยจรัส วน.35 ให้ช่วยเขียนบทกลอนเกี่ยวกับ"พี่สืบ"
ลงในวารสารศิษย์เก่าวนศาสตร์ จึงพยายามถ่ายทอดประเด็นที่ตัวเองสนใจ
สะท้อนคุณูปการในการช่วยสืบ
สานและสรรค์การอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าของไทยที่"พี่สืบ"ได้ทำไว้
Last updated: 2022-12-24 22:56:50