.ยี่สิบเอ็ดพฤศจิกาครั้งคราใด
พาระทมตรมตรอมใจแสนไหม้หมอง
เฝ้าทำบุญกรวดน้ำน้ำตานอง
ให้พี่ต๋อง"มณฑล จำเริญพฤกษ์"
.ปีหกศูนย์พี่ยามาจากลับ
เหมือนฟ้าดับโลกทลายในรู้สึก
พาเสียขวัญสั่นอนาถบาดใจลึก
ไม่เคยนึกก่อนวัยควรด่วนม้วยมรณ์
.ต้องขาด"ครู"เคยสอนคิดประสิทธิ์ให้
วิชาการด้านป่าไม้ไม่หยุดหย่อน
วนเกษตรป่าชุมชนผลสังวร
เอื้ออาทรคนกับป่าพึ่งพากัน
.เหมือนสิ้น"ญาติ"ที่สนิทเคยชิดใกล้
คล้ายเลือดเนื้อเชื้อไขได้รังสรรค์
คอยเจือจุนจานน้ำใจให้แบ่งปัน
ครอบครัวพากระชับมั่นสัมพันธ์ไป
.มาไร้"พี่"ที่เคียงคู่เอ็นดูน้อง
คอยปกป้องด้วยเจตเมตตาให้
ทั้งแนะนำย้ำทางดีหวังมีชัย
ยังตราตรึงซึ้งใจไม่เคยลืม
.ทั้งเสีย"เพื่อน"ร่วมศรัทธาค่านิยม
ชาวชมรมสีเสียดแก่นที่แสนปลื้ม
สร้างผูกพันเงินของใช้ให้หยิบยืม
หวนสัมพันธ์อันดูดดื่มซึมเศร้านัก
.พาสูญ"มิตร"จิตสร้างสรรค์งานป่าไม้
หวังพงไพรให้ร่มเย็นเป็นเสาหลัก
ทุ่มปิดทองหลังพระไปด้วยใจรัก
คนตระหนักมากเหลือเมื่อจากไป
.สิ้น"พี่ต๋อง:มณฑล จำเริญพฤกษ์"
ยังระลึกคุณความดีที่สร้างไว้
แจ้งประจักษ์ทุ่มรักป่ามาจากใจ
เสียสละค่ายิ่งใหญ่เพื่อไพรพง
.ครูนิด วนศาสตร์(ชมรมสีเสียดแก่น)
www.lookforest.com
21 พ.ย. 63
แรงดลใจ: ไม่เคยคิดว่า 21 พฤศจิกา 2560 คือวันที่ต้องทรงจำไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ผลพวงจาก "พี่ต๋อง": รศ.ดร.มณฑล จำเริญพฤกษ์(วน.40) มาจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียง 61 ปีเศษเท่านั้น ด้วยมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ"พี่ต๋อง"เป็นอย่างมาก จากที่เคยมีสถานะเป็นรุ่นน้องที่เป็น freshy ของ senior เมื่อคราวแรกเข้าเรียนที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เมื่อปี พ.ศ.2520 แม้ช่วงแรกๆตั้งแต่เรียนจนถึงทำงานยังไม่คุ้นเคยกันมากนัก แต่ก็เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่สถานะอย่างอื่นตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2524 เป็นต้นมา
โดยที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งให้เป็นนักวิชาการป่าไม้ 3 ที่สำนักงานป่าไม้เขตสระบุรี(หน่วยงวนในสังกัดกรมป่าไม้ในขณะนั้น) เมื่อ 2 ธันวาคม 2524 ที่เมื่อเดินทางไปรายงานตัว จึงได้พบว่า"พี่ต๋อง"ทำงานอยู่ที่นี่ ซึ่งได้ให้การต้อนรับขับสู้ในหลายๆด้านเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหยิบยื่นน้ำใจในด้านการเอื้อเฟื้อที่พักอาศัยให้ โดยได้จัดสรรสถานที่ทำงาน อันได้แก่สถานีวนกรรมภาคกลาง(พุแค)ที่"พี่ต๋อง"เป็นหัวหน้า ให้อยู่อาศัยร่วมกับชาวป่าไม้อีกหลายคน จนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแล้วรวมตัวกันเป็นชมรมสีเสียดแก่นจนถึงทุกวันนี้
นับว่าโชคดีเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสสัมผัสในหลายๆด้าน ทำให้ได้รู้จักและเข้าใจ"พี่ต๋อง"มากขึ้นกว่าเดิมที่ยอมรับว่าเรียนดีและเป็นนักกีตาร์ชั้นยอดเท่านั้น แต่ได้พบว่าเป็นคนที่ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับงานวิจัยป่าไม้เป็นอย่างมาก สืบเนื่องจากที่จบปริญญาโทมาหมาดๆ ทำให้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกรมป่าไม้จำนวนมาก ด้วยมีผลงานที่น่าสนใจ ซึ่งก็เป็นเป้าหมายหลักที่ต้องการทำงาน เพียงแต่ภายหลังจำต้องโอนย้ายไปเป็นคณะวนศาสตร์ เนื่องจากเคยรับปากกับ "ศาสตราจารย์ ดร.พงษ์ศักดิ์ สหุนาฬุ"อาจารย์ที่ปรึกษาผู้ให้ความนับถือยิ่งเอาไว้
ปี พ.ศ.2527 ตามมาเป็นลูกศิษย์ปริญญาโทตามที่"พี่ต๋อง"ให้คำแนะนำ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งทางด้านประสบการณ์ป่าไม้และชีวิตกันมากขึ้น ทั้งในบรรยากาศในและนอกห้องเรียน แม้ช่วง"พี่ต๋อง"ได้ทุนไปเรียนปริญญาเอกที่ฟิลิปปินส์ระหว่าง พ.ศ.2529-2531 ก็ช่วยค้นหาเอกสารและข้อมูลประกอบการเรียนและทำวิทยานิพนธ์ หลังจากจบกลับมาทำงานเต็มตัวได้ร่วมงานทางวิชาการและสังคมป่าไม้บ่อยครั้งขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 เป็นต้นมาได้โอนย้ายไปอยู่ที่ มสธ.ก็ได้รับความอนุเคราะห์จาก"พี่ต๋อง"ทั้งการเขียนตำรา สอนหนังสือและทำวิจัยร่วมกัน
"พี่ต๋อง"ทำงานให้องค์กรและหน่วยงานต่างๆทั้งระดับชุมชน ประเทศและนานาชาติ ซึ่งได้อุทิศแรงกาย แรงใจและทุนทรัพย์ส่วนตัวจำนวนมากมาย ในการทำงานเพื่อป่าไม้และสังคมการศึกษา ที่ไม่เคยหวังผลตอบแทนมายาวนานตลอดทั้งชีวิต จนกระทั่งลาจากโลกนี้ไป กับทั้งได้อุทิศเงินรวมกว่า 3 ล้านบาทเป็นกองทุนมอบให้คณะวนศาสตร์ และการสืดทอด www.lookforest.com ที่ได้จัดทำมากับมือในการพยายามสร้างสรรค์งานป่าไม้สืบเนื่องไป ซึ่งหาได้ยากยิ่งจากคนทั่วไปในการเสียสละทุกอย่างเพื่อนำไปสู่สิ่งดีต่อ"ป่าไม้"ที่ตัวเองรักและผูกพันตลอดมา