การทำธุรกิจเหมือนการแข่งขัน ต้องมุ่งมั่นที่จะได้ชัยชนะ
 
     
 
สะท้านใจ ป่าไม้ติ๋ม
ไปเที่ยวงาน..ชิมเพลิน เดินไพร ประชารัฐสระบุรี.. ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของป่าในเมืองที่สวนพฤกษศาสตร์พุแค สระบุรี มีหลายสิ่งน่าสนใจ สุดท้าย ให้รู้สึก...สะท้านใจ ป่าไม้ติ๋ม... เมื่อเจอคนงานเก่า คนดีที่เคยร่วมงานกันมา แต่เมื่อครั้งแรกบรรจุเป็นข้าราชการ
 

•เยือนถิ่นเก่าคราวบรรจุสระบุรี

เยี่ยมน้องพี่พวกเราชาวป่าไม้

ได้เจอ"ติ๋ม"คนงานสะท้านใจ

พาหวั่นไหวปลงจิตอนิจจา

 

•จากสาวรุ่นเอิบอิ่มเคยยิ้มแย้ม

ทรวงแฉล้มปานเทพีแม่ศรีป่า

เริ่มผิวคล้ำเหี่ยวย่นไปใกล้ชรา

แซมไฝฝ้ากระดำตามเนื้อตัว

 

•ทั้งแม่พ่อพี่น้องเคยครองสุข

บ้างสิ้นทุกข์บ้างย้ายพรากจากไปทั่ว

แม้ลูกสองต้องแตกแยกครอบครัว

เหลือเพียงผัวฝากผีไข้ไว้ด้วยกัน

 

•กายแข็งแรงแกร่งกล้าพาสู้ไป

พร้อมฟันฝ่างานป่าไม้ไม่ไหวหวั่น

แม้ขุดดินถางหญ้าสารพัน

มาถึงวันดูอ่อนล้าพาโรยแรง

 

•เพียงบางสิ่งยืนยง"ติ๋ม"คงอยู่

ใจยังสู้เหลือล้นตาโชนแสง

รู้เจียมตัวตามท่าทีที่สำแดง

ไมตรีแฝงด้วยสัตย์ซื่อยึดถือนัก

 

•ถึงมีนายป่าไม้เปลี่ยนหลายคน

ยังเปี่ยมล้นให้"อ.ต๋อง*"ครองใจภักดิ์

รู้สิ้นกรรมพร่ำไห้หาอาลัยรัก

ด้วยประจักษ์ในความดีมิเสื่อมคลาย

 

•สี่สิบปี"ติ๋ม"เป็นแต่แค่คนงาน

ที่ดักดานทำเพื่อป่ามาหลากหลาย

ก่อประโยชน์ราชการอันมากมาย

จะมีนายสักกี่คนที่สนใจ

 

•ปีหน้า"ติ๋ม"ต้องลาเกษียณงาน

เงินบำเหน็จบำนาญนั้นไม่ได้

จำตากหน้าหางานซมซานไป

แลกเงินใช้ตามวิถีที่เผชิญ

 

.ครูนิด วนศาสตร์(ชมรมสีเสียดแก่น)

www.lookforest.com

หมายเหตุ *"อ.ต๋อง" คือ "รศ.ดร.มณฑล จำเริญพฤกษ์" ที่เคยบรรจุรับราชการครั้งแรกราวปี พ.ศ.2522 ที่สำนักงานป่าไม้เขตสระบุรี กรมป่าไม้ในขณะนั้น  (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)  ซึ่งได้รับการมอบหมายให้ทำหน้าที่หัวหน้าสถานีวนกรรมภาคกลาง(พุแค) ที่เหล่าคนงานรวมทั้ง"ติ๋ม"และครอบครัวให้ความเคารพ นับถือและศรัทธาในความดีเป็นอย่างมากจนถึงทุกวันนี้

 

แรงดลใจ:

เมื่อ 3-4 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสกลับไปเยือนถิ่นเก่า สมัยเคยทำงานที่สระบุรีอีกครั้ง ได้มีโอกาสพบปะเกลอเก่าหลายคน ก็ไม่พ้นในการทบทวนอดีตเก่าในชีวิตป่าไม้ที่เคยผ่านมา ทั้งทุกข์และสุขคละเคล้ากันไป เสียดายเหลือเกินที่เวลาล่วงเลยไปเร็วยิ่งนัก จากหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่เคยปราดเปรียวและคล่องแคล่วปานพยัคฆ์เจ้าป่า กลับกลายเป็นคน สว.ที่(ค่อนข้าง)งุ่มง่ามและเฉื่อยชาเหมือนหมูแก่อุ้ยอ้าย เกือบ 40 ปีที่ผ่านมาโลกนี้ช่างหมุนเร็วเหลือเกิน จนอยากจะหยุดโลกนี้ไม่ให้เคลื่อนที่ไปอีก เพราะยังประสงค์แสวงสุขต่อไปอีก ตามประสามนุษย์ที่ยังมีไฟ(ในทรวง) แต่ก็ยังดีใจที่ได้ตักตวงประสบการณ์ป่าไม้จากสระบุรีมาปรับใช้จนถึงปัจจุบัน

 

มางวดนี้ที่พลาดไม่ได้ ก็คือ ต้องแวะสัมผัสกับงาน "ชิมเพลิน เดินไพร ประชารัฐสระบุรี" ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ภายในสวนพฤกษศาสตร์พุแค ซึ่งตอนนี้ได้ประกาศให้เป็นป่าในเมืองตามนโยบายรัฐบาลยุค คสช.อีกด้วย ทั้งนี้เพราะ ท่านสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี เชื้อเชิญให้ไปสัมผัสของดี ก่อนที่ท่านจะเดินทางไปรับตำแหน่งสูงขึ้น เป็นผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะบรรยากาศร่มรื่น สามารถชมและเลือกสินค้าที่มีหลายชนิด ยังได้ซื้อหาของกินหลายรายการกลับมาปรุงพร้อมฝากคนทางกรุงเทพฯ ขอบอกว่าผู้รักสุขภาพไม่ควรพลาด   

 

โชคดีที่ได้พบ"ติ๋ม"แบบบังเอิญ ด้วยห่างเหินกันนานเหลือเกินกว่า 30 ปี ยังคงจดจำภาพสมัยรู้จักครั้งแรกได้เป็นอย่างดี ตอนนั้นไปบรรจุเป็นข้าราชการป่าไม้ที่สระบุรี พ่อ-แม่ พี่ๆ สามี(ดม) และตัว"ติ๋ม"เองทำงานเป็นคนงานป่าไม้ในตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว กล่าวได้ว่าในขณะนั้นเป็นครอบครัวที่อบอุ่นอยู่ระดับหนึ่ง โดยลุงเจือผู้เป็นพ่อเป็นผู้นำครอบครัวที่เข้มแข็ง เป็นคนที่มีความจริงใจ อดทน ซื่อสัตย์และมีน้ำใจ กับทั้งพยายามชักจูงให้ลูกหลานดำเนินรอยตาม เราสนทนากันด้วยความดีใจ "ติ๋ม"เล่าว่ายังคงวนเวียนทำงานเป็นคนงานป่าไม้มาโดยตลอด สุดท้ายได้มาเป็นคนงานของสวนพฤกษศาสตร์พุแค หลายคำพูดของ"ติ๋ม"ที่น่าสนใจคือ

 

"เพิ่งมารู้ทีหลังว่าอาจารย์มณฑลเสีย ม่ายงั้นต้องไปเผาแกที่กรุงเทพฯให้ได้ แม้ว่าอยู่ที่ไหนก็จะไปเผา น่าเสียดาย แกเป็นคนดี ไม่น่าอายุสั้น" "ติ๋ม"กล่าวด้วยเสียงสั่น ในขณะที่มือป้ายน้ำตาไป

 

"พอรู้ข่าวก็ทำบุญไปให้แก วันนั้นภาวนาให้แกมาหา พอกลางคืนนอนหลับ ฝันว่าแกมาจริงๆ ถามว่าหัวหน้ามาทำไม แกตอบว่า ก็ติ๋มให้มาหาไม่ใช่หรือ มีอะไรไหม" ดูแววตา"ติ๋ม"มีประกายขึ้นอาจเป็นด้วยแรงศรัทธาที่มีต่อแก

 

"พอพ่อเสียไปไม่นาน แม่มาล้มป่วยนอนเป็นอัมพฤกษ์อยู่นาน ต้องดูแลแกตลอด ช่วงนั้นเจอเคราะห์กรรมหลายอย่าง ชีวิตสาหัสเหลือเกิน โชคดีที่ผ่านพ้นมาได้"

 

"ลูกๆเขามีครอบครัวแยกไปหมด ก็ไม่ค่อยมั่นคงนัก พี่ดมพอเกษียณ ก็ทำงานอยู่บ้าน ซื้อที่แปลงเล็กๆอยู่ข้างสถานีวิจัยถ่าน ปีหน้าติ๋มก็เกษียณแล้ว ก็คงหาอะไรทำไปพอเลี้ยงตัวได้" ทำให้ระลึกได้ว่าเป็นคนเกิดปีเดียวกับ"ติ๋ม"

 

"ปีที่แล้ว ที่มาจัดงานเลี้ยงเกษียณอาจารย์มณฑล ก็มีคนบอกนะ แต่ไม่กล้าเข้าไปหา มันต่างกับสมัยก่อนเหลือเกิน" "ติ๋ม"คงหมายถึงสถานภาพทางสังคมที่แตกต่างกัน ทั้งที่กลุ่มพวกเราชาวสีเสียดแก่นยังมีความรู้สึกผูกพันเหมือนเดิม ด้วยบ่อยครั้งที่พวกเรามักคุยกันถึงอดีตที่สระบุรี ซึ่งได้พยายามอธิบายให้"ติ๋ม"รับรู้

 

"รูัว่าพวกอาจารย์และหัวหน้าทุกคนเหมือนเดิม แต่ไม่กล้าไปหาหรอก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะว่าเอา" "ติ๋ม"สะท้อนความรู้สึกด้วยความเจียมตัว แต่แฝงด้วยความจริงบางอย่างที่ทำให้อดเก็บเอามาคิดในภายหลังไม่ได้

 

คนในสังคมไทยเรายังมีความแตกต่างกันอย่างมากมายเกินคาดคิด หลายคนที่เป็นคนดีและมุ่งมั่นทำงานเพื่อวงการป่าไม้และสร้างฐานะทางครอบครัวอย่างเหลือเกิน อาจไม่มีโอกาสต่อความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในชีวิตมากนัก ซ้ำบางครั้งยังดูเหมือนว่าถอยหลังลงคลองเสียด้วยซ้ำไป เช่นกรณีของ"ติ๋ม"ข้างตัน ในขณะที่หลายคนกับเสวยสุขอย่างเหลือเกินทั้งที่ไม่ได้ทุ่มเทให้วงการป่าไม้มากนัก กับทั้งบางโอกาสยังเป็นผู้ตักตวงผลประโยชน์   อันทำลายระบบและกลไกที่ดีของวงการป่าไม้อย่างน่าขยะแขยงอีกด้วย อีกนานสักเพียงไหนหนอที่คนระดับรากหญ้าของชาวป่าไม้เรา จะได้มีโอกาสก้าวหน้าในเส้นทางของชีวิตมากกว่าที่ผ่านมาและเป็นอยู่ในปัจจุบัน คงไม่ต้องมากหรือเลิศหรูเท่าข้าราชการ แต่ให้มีฐานะทางเศรษฐกิจและศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่ใกล้เคียงกับคนงานภาคเอกชนก็ยังดี


Last updated: 2018-08-14 09:45:42


@ สะท้านใจ ป่าไม้ติ๋ม
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ สะท้านใจ ป่าไม้ติ๋ม
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
984

Your IP-Address: 18.225.195.153/ Users: 
983