เห็นใจนักพวกเราชาวกรมอุทฯ
ถูกว่ามุดหายหัวมัวอยู่ไหน
เรื่องหมูป่าติดถ้ำแล้งน้ำใจ
สื่อยักษ์ใหญ่ให้ข่าวฉาวทั่วเมือง
ได้แต่ปลงอนิจจาอยากอาเจียร
ไยนั่งเทียนเขียนข่าวคอยเต้าเรื่อง
ข้อเท็จจริงไม่สนใจให้ขุ่นเคือง
กล่าวหาไปไม่ประเทืองทำเปลืองตัว
อธิบดีลงพื้นที่ทั้งสั่งการ
ผู้บริหารน้อยใหญ่เหนื่อยไปทั่ว
เฝ้าเกาะติดสถานการณ์คอยพันพัว
ไม่หวาดกลัวช่วยงานกันวุ่นไป
สั่งระดมสรรพกำลังหวังทำดี
เจ้าหน้าที่น้อยใหญ่ทั้งไกลใกล้
ที่โดดเด่นล้นเหลือหน่วยเสือไฟ
สู้ด้วยใจร่วมเรียงเคียงภาคี
ทุ่มเทไปทำจริงจังอย่างเก่งกล้า
ปีนหน้าผาพาขุดถ้ำเบี่ยงน้ำหนี
ขนท่อน้ำหามถังก๊าซงัดหินมี
ปรับพื้นที่ทำทางล้างห้องน้ำ
อีกมากมายหนักหนาภาระกิจ
ยอมอุทิศกายใจนอก-ในถ้ำ
ขอนายสั่งพร้อมฟันฝ่าจะกล้าทำ
ฝนกระหน่ำเสี่ยงแค่ไหนไม่รอรา
ถึงแสนเหนื่อยเมื่อยเท่าใดไม่ท้อบ่น
สู้อดทนผจญภัยได้ฟันฝ่า
แม้ยามนอนได้เพียงงีบรีบตื่นมา
จนหมูป่าพารอดอย่างปลอดภัย
ชาวกรมอุทฯหยุดขื่นขม"ลมเปลี่ยนทิศ"
วอนตั้งจิตสร้างคุณค่าเพื่อป่าไม้
เฝ้าปิดทองหลังองค์พระฝ่าฟันไป
ด้วยภูมิใจในหน้าที่ศักดิ์ศรีตน
ครูนิด วนศาสตร์(ชมรมสีเสียดแก่น)
www.lookforest.com
แรงดลใจ:
อ่านข่าวคอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย ของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่ง เขียนถึงกรมอุทฯ:กรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เกี่ยวกับการดำเนินงานกรณีการช่วยเหลือ นักฟุตบอลเยาวชน
ทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย จังหวัดเชียงราย จำนวน 13 คน
พลัดหลงเข้าไปในถ้ำหลวง ณ วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงรายแล้ว
เห็นว่าขัดกับความจริงที่เป็นอยู่อย่างมาก
โดยคอลัมน์นิสต์คนดังแสดงความเห็นในตอนหนึ่งว่า
".....น่าแปลกที่ปฏิบัติการครั้งนี้กลับไม่มีชื่อกรมอุทยานแห่งชาติฯเจ้าของพื้นที่ที่บกพร่องจนเกิดเหตุร้ายแรง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯที่มีทั้ง กรมป่าไม้ กรมทรัพยากรน้ำฯ
ในสังกัดเข้าร่วมในขณะที่คนเก็บรังนกจากภาคใต้ยังอุตส่าห์บินไปช่วย....."
ขณะที่ส่วนประชาสัมพันธ์และเผยแพร่อุทยานแห่งชาติ
สำนักบริหารงานกลาง ของกรมอุทฯได้จัดทำรายงานความก้าวหน้าที่กรมอุทฯได้ทุ่มเทและพยายามอย่างต่อการช่วยเหลือเยาวชนดังกล่าว
ตั้งแต่วันแรกที่มีการพลัดหลงเข้าไปในถ้ำเมื่อ 23 มิถุนายน 2561 ทั้งนี้ผู้บริหารระดับสูงของกรมอุทฯ คือ อธิบดี(นายธัญญา เนติธรรมกุล)
รองอธิบดี(นายจงคล้าย วรพงศธร) และ ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ(ดร.ทรงธรรม สุขสว่าง)
ได้ลงพื้นที่ร่วมกับตัวแทนของฝ่ายรัฐบาล เมื่อ 26 มิถุนายน 2561 ซึ่งมีข้อความส่วนหนึ่งดังนี้
"...และในวันเดียวกัน
ช่วงเวลา 10.00-19.00 น. พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา
รมว.กระทรวงมหาดไทย และคณะได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานการ
ค้นหาและกู้ภัยผู้พลัดหลง จำนวน 13 คน ที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน
โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
พร้อมด้วยนายกมลไชย คชชา ผอ.สบอ.15
ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายชี้แจงข้อมูลรายละเอียดต่างๆ และในช่วงบ่ายเวลา14.30 น.นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
และนายทรงธรรม สุขสว่าง ผอ. สำนักอุทยานแห่งชาติ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานดังกล่าว
โดยมีนายกมลไชย คชชา ผอ.สบอ.15 และนายสวัสดิ์
ทวีรัตน์ผอ.สอช.ให้การต้อนรับและชี้แจงข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น
มีการเยี่ยมพ่อแม่และญาติของผู้พลัดหลง
ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่บริเวณภายในถ้ำหลวง ใน
การนี้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ส่งการระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากศูนย์กู้ภัยของกรม
อุทยานฯ มาร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ดัวย โดยได้สรุปรายงานความคืบหน้าการดำเนินการคันหาฯ
ในช่วงวันที่ 24 - 26 มิถุนายน 2561
พอสรุปเป็นลำดับ ดังนี้..."
รายงานดังกล่าวเสนอรายละเอียดการปฏิบัติงานอย่างครบถ้วนถึง
23 หน้า ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายที่ผู้พลัดหลงทั้ง 13 คน ได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย
ซึ่งน่าชมเชยเจ้าหน้าที่ของกรมอุทฯที่เกี่ยวข้องทุกคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า
ผู้สนใจสามารถติตามได้จาก http://park.dnp.go.th และ http://portal.dnp.go.th/p/nationalpark
ได้แต่ปลง
เห็นใจและร่วมเป็นกำลังใจกับพวกเราชาวกรมอุทฯและป่าไม้ทุกคน ที่ดูเหมือนว่าต้อง ปิดทองหลังพระ
อยู่ร่ำไป ก็คงต้องอดทนทำดีกันอีกนาน
จนกว่าคนไทยจะตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้อย่างแท้จริง
Last updated: 2018-07-15 01:26:17