แสนยินดีที่พวกเราชาวป่าไม้
ต่างเติบใหญ่ได้ดีมีตำแหน่ง
เพียงคนดีที่เก่งกล้าเคยมาแรง
บ้างถูกแย่งแซงก้าวเข้าเส้นชัย
กับให้นึกน่าฉงนบางคนยิ่ง
ทางความจริงถูกนินทาพาสงสัย
ได้รับการแต่งตั้งมาอย่างไร
ด้วยด้อยในบางด้านพาลงงงวย
ผลงานที่ปรากฏขาดโดดเด่น
ไม่ชัดเจนบางครั้งยังแสนห่วย
ชอบบังหลวงฉ้อราษฎร์ฟาดจนรวย
อ้างถูกหวยถือหุ้นสถุลนัก
วิชาการความรู้ดูถดถอย
ด้านป่าไม้มีจิ๊บจ๊อยจุดด้อยหนัก
นวัตกรรมเมินไปไม่ถามทัก
ใจไม่รักเรียนเสริมเพิ่มขึ้นมา
อาวุโสยังไม่เหมาะบริหาร
ประสบการณ์ด้านป่าไม้ไม่เข้าท่า
ขั้นเงินเดือนยังต่ำตามอัตรา
เพียงแค่ว่าเป็นไปในตามเกณฑ์
วิสัยทัศน์แสดงมาระอาใจ
ช่างแคบ-สั้นด้านป่าไม้ไม่โดดเด่น
การปรับใช้ดูติดขัดขาดชัดเจน
สร้างกรรมเวรลูกน้องของหน่วยงาน
อีกเบื้องหลังความจริงชอบวิ่งเต้น
อาศัยเล่นเส้นสายอยู่หลายด้าน
เคล้าเคลียเขาเอาใจไหว้หมอบคลาน
จ่ายเงินอานเพื่อเป็นใหญ่ไม่เสียดาย
จึงฉุดงานป่าไม้ให้ตกต่ำ
ทั้งระกำช้ำเปลี้ยพาเสียหาย
เชิดหน้าไปทำใหญ่โตโถเจ้านาย(ไอ้ควาย)*
รู้จัก"อาย"คนเก่ง-ดีบ้างซีวะ
ครูนิด วนศาสตร์ (ชมรมสีเสียดแก่น)
www.lookfroest.com
หมายเหตุ*เลือกอ่านตามสถานการณ์/ความเหมาะสม
/ความชอบส่วนตัว ทั้งเปลี่ยนได้ตามเพศ
แรงดลใจ:
อยู่ในวงการป่าไม้โดยตรงมากว่า 40 ปี
แต่หากรวมประสบการณ์จากการศึกษาเอกสารและสอบถามจากบรรพวนกร
รวมทั้งผู้มีความรู้ทางป่าไม้แล้ว ก็อาจกล่าวได้ว่าตัวเองพอรู้เรื่องการบริหารงานบุคคลทางด้านป่าไม้ย้อนหลังไปเฉียดร้อยปีทีเดียว
พอสรุปได้ว่าเรื่องการวิ่งเต้นใช้เส้นสายของชาวป่าไม้เรามีมานานแล้ว
เพียงแต่ว่าสมัยก่อนระบบคุณธรรมยังอยู่ในจิตใจของพวกเราทั้งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานกันมาก
จึงเปิดโอกาสให้ผู้ที่เหมาะสมกว่าได้เข้าสู่ตำแหน่ง
ส่วนตัวเองก็รอคอยจังหวะในโอกาสหรือสถานที่แห่งอื่นที่เหมาะสมกับศักยภาพของตน
ส่วนพวกวิ่งเต้นก็ต้องมีผลงานและฝีไม้ลายมือในระดับหนึ่งจึงกล้าทำ
คงอาจเป็นเพราะยังมีความ"อาย"กันอยู่บ้าง ด้วยวงการป่าไม้มันแคบ
เกือบทั้งหมดต่างก็รู้กันดีว่าใครเป็นใคร หรือหากอยากได้ข้อมูลอะไร
ก็มีช่องทางให้สอบถามที่ง่ายยิ่งกว่ารินเบียร์ใส่แก้วเสียอีก
ช่วงที่การวิ่งเต้นมีความรุนแรงมากๆของชาวป่าไม้
เริ่มจากการที่ท่านอธิบดีท่านหนึ่งได้รวบอำนาจการโยกย้ายไว้ที่ท่านโดยตรง
แทนการผ่านกองการเจ้าหน้าที่(สมัยนั้น)
ถนนทุกสายของชาวป่าไม้จึงมุ่งสู่ห้องอธิบดีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา มีการนำกลเม็ดเด็ดพรายต่างๆงัดกันออกมาใช้ในการต่อรองอย่างมากมาย
ทำให้อัตราของบางตำแหน่งพุ่งพรวดอย่างคาดไม่ถึง ข่าวว่าบางครั้งต้องมีการผูกแพต่อรองกันของบางรุ่นทีเดียว
(น่าจะมีการหาข้อมูลที่ละเอียดบันทึกไว้บ้าง) อย่างไรก็ตาม เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า
ด้วยมีชาวป่าไม้ผู้ฉลาดหลักแหลม(แต่แกมโกง)บางคน
เชื่อมโยงกับนักการเมืองโดยเฉพาะระดับรัฐมนตรีที่คุมงานการป่าไม้ได้
ซึ่งก็ไม่เคยผิดหวัง เพราะยุคนั้นอธิบดีย่อมต้องหงอให้นักการเมือง มิฉะนั้นก็ต้องกระเด็นจากตำแหน่ง
ดังนั้นถนนทุกสายของนักวิ่งเต้นชาวป่าไม้จึงเปลี่ยนไปสู่บ้านนักการเมือง
ตามสถานการณ์ของการเลือกตั้งในแต่ละครั้ง ช่วงนี้พบว่าชาวป่าไม้ของเราส่วนใหญ่ในทุกระดับไม่สนใจระบบคุณธรรมของการเข้าสู่ตำแหน่งกันมากขึ้น
ทั้งตัวเองก็มิได้มีฝีไม้ลายมือที่ผ่านมาแต่อย่างใด
กล่าวได้ว่าพรวดขึ้นมามาได้เพราะเส้นสายล้วนๆ
ยุคทหารครองอำนาจ
ถนนสู่บ้านนักการเมือง แทบไม่มีชาวป่าไม้เดินทางไปแล้ว(เขามุ่งไปถนนเส้นไหนกัน
คงไม่ต้องบอก เพราะพวกเราต้องรู้กันดีอยู่แล้ว) ด้วยแนวทางและกลไกในการกำหนดเข้าสู่ตำแหน่งของชาวป่าไม้ต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน
ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์มาก
เพราะย่อมมีทั้งที่เหมาะสมและพวกที่น่าใช้เส้นสายในการวิ่งเต้น
หากกระบวนการและกฎเกณฑ์ต่างๆยังไม่ชัดเจน
หรือเอื้อให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจอย่างนี้ก็ต้องทำใจ พยายามเรียกร้องเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลโดยเฉพาะการบริหารงานบุคคลมากขึ้น
แต่ดูเหมือนว่าคนในองค์กรไม่ค่อยให้ความสนใจ
ยิ่งบางคนแสดงออกถึงความชอบเสียด้วยซ้ำไป
คงอาจเพราะตัวเองจะได้มีโอกาสก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น ในขณะที่หลายคนไม่สนอกสนใจอะไร
ออกทำนองปลงต่อชะตาชีวิตแล้วแต่เวรกรรม(ซึ่งน่าจะไปห่มผ้าเหลืองเสียเลย)
อย่างไรก็ตาม รู้สึกดีใจมากที่วันก่อน
ได้ไปประชุมที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
มีโอกาสเจอรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่ง(ขอสงวนนาม) เธอบอกว่าไม่ได้สมัครเป็นผู้อำนวยการสำนักแห่งหนึ่ง(ทั้งที่มีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ)
เพราะต้องการหลีกทางรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าหากชาวป่าไม้เรามีจิตใจที่มีคุณธรรมเช่นยุคก่อน
เชื่อว่าสังคมของพวกเราคงมีความสุขและน่าอยู่กว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
ทั้งนี้โดยส่วนลึกแล้วพวกเราที่มีคุณธรรมในใจยังมีอีกมาก
เพียงแต่จะนำมาต้านระบบการวิ่งเต้นได้อย่างไร แม้จะได้ผลแค่ระดับหนึ่งก็ยังดี
เพราะอาจนำไปสู่การขยายผลได้มากขึ้นในโอกาสต่อไปนั่นเอง
Last updated: 2018-03-25 00:28:50