เขียนลงเฟซวิจารณ์งานป่าไม้
พวกบอกว่าจะแชร์-ไลค์แต่ไม่กล้า
เพียงไลน์-โทรอ้างโบราณท่านกล่าวมา
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
เพราะตัวเองมีเจ้านายหลายระดับ
คอยกำกับงานป่าไม้ในหน้าที่
แต่ละคนต่างลีลาหลากท่าที
ด้วยล้วนมีความหวังแตกต่างกัน
มีทั้งขาว-เทา-ดำนำความคิด
ด้วยในจิตรู้ชั่วดีที่เลือกสรร
เพียงลูกน้องต้องระวังสิ่งสำคัญ
ถ้าแผกผันนายเสนออาจเจอดี
แม้บางสิ่งดีเลิศประเสริฐล้น
นายบางคนอาจขัดใจไปเสียนี่
ด้วยประโยชน์ยอกย้อนทับซ้อนมี
ยอมอัปรีย์ไม่นำพาวิชาการ
คนป่าไม้แบบนี้มีอยู่มาก
จึงแสนยากพัฒนาน่าสงสาร
หากทนอยู่ปล่อยไปอีกไม่นาน
คงพางานต้อยต่ำระกำนัก
อีกบางคนบอกเป็นตามเวรกรรม
ยิ่งน่าขำทำเปลี้ยเพลียใจหนัก
งั้นปล่อยตามโชคชะตาพานำชัก
ป่าไม้จักมืดมัวช่างหัวมัน
เราต้องการงานป่าไม้ไปถูกที่
ต้องร่วมชี้ถูกผิดคิดสร้างสรรค์
ทั้งตรวจสอบสิ่งชั่วดีมีด้วยกัน
เพื่อมุ่งมั่นก้าวไกลให้ถูกทาง
หากมัวแต่ถอดใจจนไม่กล้า
ยากฟันฝ่ามืดคล้ำไปให้สว่าง
ทางป่าไม้ไม่ชัดเจนเห็นเลือนราง
ฟ้าจะสางอย่างไรไม่รู้เลย
ครูนิด วนศาสตร์ (ชมรมสีเสียดแก่น)
www.lookforest.com
แรงดลใจ
:
เขียนกลอนและบทความวิจารณ์งานด้านป่าไม้ ทางเฟซบุ๊กมาหลายปีแล้ว โดยใช้นามแฝงว่าครูนิด วน. 43 และครูนิด
วนศาสตร์ (ตอนหลังไม่รู้เกิดอะไรขึ้นที่เฟซบุ๊กบังคับให้เปลี่ยนมาใช้ชื่อจริง
มิฉะนั้นไม่ยินยอมให้นำเสนอบทความได้อีก) รวมทั้งได้ร่วมกับพี่ต๋อง : รศ.มณฑล จำเริญพฤกษ์ วน.40 นำเสนอข้อเขียนทาง www.lookfroest.com อีกด้วย
จากการสังเกตปฏิกิริยาของชาวปาไม้ที่มี รวมทั้งต่อบทความของคนอื่นในทำนองเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้สนทนากับพรรคพวก
กับทั้งที่มีแจ้งทางไลน์และโทรศัพท์
พอสรุปได้ว่าชาวป่าไม้ไม่ค่อยกล้าแสดงความเห็นต่อข้อเขียนที่พาดพิงทางลบถึงผู้บริหารงานป่าไม้ในทุกระดับ
โดยเฉพาะที่มีระดับสูงยิ่งต่างกลัวเกรงกันไปเกือบหมด ด้วยมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า
มีการสั่งการให้ติดตามผู้แสดงความคิดเห็นเพื่อนำเสนอต่อผู้บริหารที่อาจให้คุณและโทษต่อการทำงานได้
ในเรื่องนี้ไม่ขอรับรองร้อยเปอร์เซ็นต์
ต้องตรวจสอบกันต่อไป
อันที่จริงแล้วการแสดงความคิดเห็นโดยบริสุทธิ์ใจ
น่าจะเป็นข้อมูลอย่างหนึ่งให้ผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานทางด้านป่าไม้ได้นำไปประกอบการพิจารณาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงานมากขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่าความคิดเห็นของแต่ละคนย่อมมีแตกต่างกันไปตามบริบทและประสบการณ์ของแต่ละคน
สิ่งใดที่เหมาะสมก็ควรนำไปปรับปรุงการทำงาน
สิ่งใดที่เห็นตรงข้ามก็อาจละเลยไปเสียก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเชื่อถือทุกอย่างเสมอไป
คิดว่าหากคนที่มีใจกว้างและไม่ยึดติดกับความคิดเห็นของตัวเองมากเกินไปน่าจะก่อให้เกิดประโยชน์มากขึ้นต่อการทำงานงานของตัวเองด้วยซ้ำไป
เพียงแต่ในสังคมไทยเรายังมีความคิดในการเอาตัวรอดดังคำกล่าวที่สืบทอดกันมาว่า
"รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี" "ชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์"
"อย่าแส่หาเรื่องจะเปลืองตัวเอง"
"ทะเลาะกับหัวหน้า ทะเลาะกับหมาดีกว่า"ฯลฯ ทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่งานการป่าไม้ของเราไม่ค่อยพัฒนาเท่าที่ควร กับบางด้านยังถอยหลังลงคลองอีกด้วย
ที่น่าเป็นห่วงอย่างมากก็คือ
พวกที่มักอ้างเวรกรรมในชาติปางก่อนหรือกลัวเวรกรรมที่จะเกิดขึ้นในชาติหน้า มักเป็นข้ออ้างเอาตัวรอดที่ฟังแล้วดูดีหรือสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองว่าเป็นคนดีหรือมุ่งใฝ่ทางธรรม ซึ่งบางคนก็เป็นเช่นนั้นจริง แต่บางคนยังมีกิเลศหนาอย่างเหลือเกินที่คนในวงการป่าไม้รอบข้างต่างรู้กันดี ความคิดหรือความเชื่อด้านนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัว
หากถูกถ่ายทอดไปยังคนอื่นหรือคนรุ่นหลังจนเกิดการหลงผิด เพราะมุ่งแต่ทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายหรือรับผิดชอบเท่านั้น
ไม่มีแนวความคิดต่อการพัฒนางานใหม่ตามหลักวิชาการที่ร่ำเรียนมา เพียงแต่รอให้เวรกรรมหรือโชคชะตามาช่วยดลบันดาลหรือลิขิตงานให้ดีขึ้น
จึงฝากพวกเราชาวป่าไม้ให้กล้าต่อการแสดงความคิดเห็นในการสร้างสรรค์ป่าไม้โดยบริสุทธิ์ใจ
เชื่อว่างานป่าไม้จะได้มีการพัฒนามากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
Last updated: 2018-01-11 22:53:18