�

•เรื่องโจษจันสนั่นไปยายกับตา

ไปเก็บเห็ดในเขตป่ากาฬสินธุ์

ศาลลงโทษสั่งจองจำน้ำตาริน

รวมทั้งสิ้นชั้นฎีกานานห้าปี

•สื่อมวลชนเสนอข่าวมายาวนาน

ผู้คนติวิจารณ์กันอึงมี่

แค่ความผิดนิดหน่อยน้อยสิ้นดี

ควรเหลือที่รับโทษโหดร้ายนัก

•บ้างเหลือทนก่นด่าชาวป่าไม้

แล้งน้ำใจไร้เมตตาเกินตระหนัก

กับคนจนจึงแกล้งพาแช่งชัก

ไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนสั้นยาว

•ข้อเท็จจริงใช่แค่เห็ดเหตุสำคัญ

เบื้องหลังนั้นเขาไม่นำมาทำข่าว

ทำให้คนขุ่นเคืองเป็นเรื่องราว

พาขานกล่าวเฝ้าประณามตามเข้าใจ

•ด้วยมีการสมคบกันผลาญสวนป่า

หลวงปลูกมาไม่น้อยเกือบร้อยไร่

ถางไม้สักกระยาเลยเคยมีไว้

ครอบครองไม้หลายร้อยต้นจนโล่งเตียน

•หวังให้ป่าเสื่อมโทรมที่สมใจ

กรมป่าไม้อาจหมดท่าพาคิดเปลี่ยน

ยกเลิกป่าแจกที่ให้ได้แนบเนียน

แล้วเวียนเทียนขายให้เหล่านายทุน

•ต้องวิเคราะห์ข่าวที่มีให้ดีไว้

จึงเข้าใจถ้วนหน้าอย่าหันหุน

ทั้งสามศาลชี้ตรงกันมั่นใจคุณ

เลิกว้าวุ่นมิติข่าวที่เล่ามา

•อุทาหรณ์สอนให้เข้าใจสื่อ

ไม่ยึดถือช่วยป้องคุ้มครองป่า

ดัดจริตสร้างภาพไปยายกับตา

แสร้งดราม่าหาข่าวขายไปวันวัน

•ครูนิด วนศาสตร์ (ชมรมสีเสียดแก่น)

www.lookforest.com

แรงดลใจ:

พยายามหารายละเอียดเรื่องนี้เนื่องจากมีคนทั้งในและนอกวงการป่าไม้สอบถามมาหลายคนเกี่ยวกับคดีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาอย่างยาวนาน กรณีสามีและภรรยาคู่หนื่งที่เก็บเห็ดป่าแล้วถูกศาลชั้นต้นตัดสินเมื่อปี พ.ศ. 2554จำคุกคนละ 30 ปี แต่มีเหตุบรรเทาโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกคนละ� 15 ปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2555 ศาลอุทธรณ์ให้จำคุกคนละ 14 ปี 12 เดือน ซึ่งได้มีทีวีช่องหนึ่งได้นำมาเสนอข่าวกรณีนี้ โดยชูประเด็นตากับยาย(ทั้งที่มีอายุ 52 และ 48 ปี ตามลำดับเท่านั้น) ทำให้คนจำนวนมากเข้าใจป่าไม้หาความผิดให้คนแก่จากการเก็บเห็ดในป่า ซึ่งไม่น่ารุนแรงขนาดนั้น กับทั้งน่าสงสารด้วยซ้ำไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 5 ปี เนื่องจากจำเลยทั้งสองคนมีความผิดฐานร่วมกันทำไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันมีไม้สักซึ่งเป็นไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง รวมทั้งฐานร่วมกันบุกรุก แผ้วถาง ก่อสร้าง ทำไม้ ยึดถือครองครอง หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการกระทำให้เสื่อมสภาพป่าสงวนแห่งชาติ จึงเห็นได้ว่าความผิดที่ทั้งสองได้กระทำขึ้นนั้น มิใช่มาจากการเก็บเห็ดตามที่มีการเสนอข่าวแต่ประการใด

ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ได้กล่าวหาว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในการทำไม้ในป่าดงระแนง ตำบลคลองขาม อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งอยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่ทางกรมป่าไม้ได้ทำการปลูกสร้างสวนป่าไว้จำนวน 72 ไร่� มีการใช้อุปกรณ์เครื่องมือตัดและโค่นไม้สัก ไม้กระยาเลย มากกว่า 700 ต้น แล้วได้ครอบครอง ไม้สักและไม้กระยาเลยที่ยังไม่ได้แปรรูปจำนวนกว่า 1,000 ท่อนอีกด้วย รายละเอียดต่างๆ สามารถค้นหาได้จากการนำเสนอของหนังสือพิมพ์ทั่วไป

จึงพอสรุปได้ว่า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่ได้ทำเกินเลยกว่าเหตุแต่ประการใด เพราะจากคำพิพากษาของทั้งสามศาล ได้มีการลงโทษตากับยาย(ที่ควรเรียกว่าลุงกับป้ามากกว่า) อันสอดคล้องกัน ส่วนผู้ที่ทำเกินกว่าเหตุก็น่าจะเป็นสื่อมวลชนที่นำข่าวมาประโคมโดยหมกเม็ดบางเรื่องไว้เพื่อให้คนสนใจข่าวของตนเท่านั้น ส่วนใครจะได้รับผลกระทบประการใดก็ให้รับผิดชอบกันเอง ดังนั้นจึงควรเลือกเสพสื่อที่เชื่อถือได้มากที่สุด หรือไม่ก็ต้องตรึกตรองข่าวต่างๆ ให้ดีก่อนที่จะเชื่อถือลงไป

�

Last updated: 2017-05-07 09:46:48