กับสังคมที่ผ่านมานานปี
หลายสิ่งที่ขัดเขินเกินตระหนัก
"ศุภวัฒน์ เพชรวงศ์" คนตรงนัก
จำต้องหักใจลาจากป่าไพร
ทิ้งอดีตภาคภูมิใจในชีวิต
ที่มุ่งจิตปรารถนาเรียนมาไว้
อนุรักษ์พัฒนาป่าไม้ไทย
ให้ก้าวไกลงามสะพรั่งยั่งยืนนาน
เพียงระบบราชการที่พานพบ
ต้องประสบความท้อบริหาร
ไร้ตระหนักลืมค่าธรรมาภิบาล
จึงเหล่ามารมากรายล้วนได้ดี
เรียนตรีโททุ่มมากว่าจบได้
ความรู้ใช้สร้างสรรค์งานริบหรี่
นายรักงานทุ่มใจไม่ค่อยมี
หวังกันที่คอยหักชักเปอร์เซ็นต์
อยากตำแหน่งได้ดีมียศถา
ความก้าวหน้าเป็นใหญ่อาศัยเส้น
หรือใช้เงินซื้อหาบ้าสร้างเกณฑ์
โอ้กรรมเวรแสนอนาถราชการ
เหล่าจุดขาวสังคมเราชาวป่าไม้
ค่อยหายไปในมืดคล้ำดำรอบด้าน
หากแก้ไขต้องพลิกฟ้าเกินประมาณ
ทนร้าวรานหดหู่อยู่เรื่อยมา
นำพอเพียงเลี้ยงครอบครัวเจียมตัวยิ่ง
แต่ก็หยิ่งในศักดิ์ศรีที่เลอค่า
ลูกจบหมอ-บริหารมั่นชีวา
จึงไขว่คว้าหาความสุขสถาวร
อาจน้อยคนประทับใจในรู้สึก
ได้สำนึกระลึกค่าอนุสรณ์
"ศุภวัฒน์ เพชรวงศ์"
จงพบพร
คนอาทรสิ่งทำมาเพื่อป่าพง
ครูนิด วนศาสตร์ (ชมรมสีเสียดแก่น)
www.lookforest.com
แรงดลใจ :
ทราบข่าวจากไลน์กลุ่ม
วน.43 ว่าป๊ง : ศุภวัฒน์
เพชรวงศ์ ได้ลาออกจากราชการในวันที่ 1
มกราคม 2560 ก็ให้รู้สึกงุนงงสงสัยเป็นอย่างมาก
เพราะไม่เคยได้รับข่าวระแคะระคายมาก่อนแต่ประการใด
ทั้งที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ตั้งแต่ครั้งสมัยเรียนระดับปริญญาตรีที่คณะวนศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ระหว่างปี พ.ศ.2520-24 แม้เมื่อจบแล้วต้องทำงานแยกกันอยู่คนละพื้นที่ก็ยังได้ติดต่อและคบหาสมาคมกันอยู่เรื่อยมา
มีโอกาสหลายครั้งได้ไปร่วมงานตามประเพณี ทั้งงานศพ งานแต่ง งานบวช รวมทั้งได้แวะเวียนไปเยี่ยมเยียนและอาศัยที่นอนที่บ้านอุตรดิตถ์อยู่หลายครั้ง
จึงต้องไถ่ถามเป็นการส่วนตัวหลังจากได้รับข่าว โดยมีคำตอบบางส่วนที่น่าสนใจจากการสนทนากันทางไลน์ดังนี้
"คำสั่งให้ออกแล้ว มีผล 1 ม.ค. 60"
"ตอบแบบดี
ๆ น้อง ๆ หนุ่ม ๆ สาว ๆ จะได้มีตำแหน่งว่างเข้าทำงาน"
"ตอบแบบกวน
ๆ ก็เบื่อว่ะ พอแล้วว่ะ"
"วางแผนมานานแล้ว
จะออกตั้งแต่ 3
ปีที่แล้ว สงสารลูกน้อง เลยอยู่ต่อ จนลูกของลูกน้องจบป.ตรี
แล้วถึงเวลาเผ่น"
"พอแล้ว
อยากอยู่อย่างสงบ ออก 1 ม.ค. 60 เพราะต้องการเลี่ยงงานเลี้ยง
อยากไปแบบเงียบๆ ไม่ชอบสวมหน้ากาก"
เพื่อนป๊ง
บรรจุเข้ารับราชการในตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ 3 ประจำสำนักงานป่าไม้เขตพิษณุโลกตั้งแต่วันที่
3 ธันวาคม 2524
ชีวิตราชการวนเวียนอยู่แถวพิษณุโลกและอุตรดิตถ์ มาตลอด กับทั้งได้พัฒนาศักยภาพตนเองโดยเรียนต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
ตำแหน่งชีวิตราชการสุดท้ายคือนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ หัวหน้าสวนรุกขชาติบ้านแพะ
จังหวัดอุตรดิตถ์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งมีพื้นที่เพียง 95
ไร่ ถ้าจะว่าไปแล้วมีขนาดเล็กและปริมาณงานน้อยมาก
แต่ก็พึงพอใจแล้วโดยอยู่มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ประกาศจัดตั้งเมื่อปี 2536 ซึ่งได้พยายามทุมเทสร้างสรรค์งานจนเป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงานและบุคคลทั่วไป
ทั้งนี้ได้เคยรับการแต่งตั้งให้ไปเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งในระยะสั้นๆ
โดยเพื่อนป๊งได้เล่าให้ฟังว่า
"เป็นแค่หัวหน้าสวนรุกขชาติ
แต่เป็นสวนที่สร้างขึ้นมาด้วยงบประมาณน้อยนิด ไม่มีงบประมาณสิ่งก่อสร้างใดๆ ทำมาตั้งแต่ปี
36
สร้างคนได้ร่วม 10 คน
ถึงเวลาก็เดินจากมาเงียบๆ "
"เคยเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งหนึ่ง
อยู่ได้ 7 เดือน แต่ไม่เดินทางร่วมกับเขา
เขาเลยเขี่ยออกมา...หุ หุ"
เพื่อนป๊ง
นับว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตยึดโดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด ทั้งนี้อาจได้รับการปลูกฝังมาจากพ่อแม่ที่อำเภอสองพี่น้อง
จังหวัดสุพรรณบุรีก็เป็นได้
เพราะเคยไปเที่ยวและสัมผัสกับชีวิตครอบครัวอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังยึดหลักการครองตน
ครองคน และครองงานอย่างมั่นคง แต่คงไม่ได้ใช้หลักการครองนาย
ทำให้ชีวิตราชการไม่ค่อยโดดเด่นเหมือนคนอื่น
นอกจากข้อมูลข้างต้นแล้ว ยังมีบทสนทนาบางส่วนที่ยืนยันเพิ่มเติมได้อย่างดีก็คือ
"น้อง ๆ หลายคนที่รู้จัก มีความคิด มีอุดมการณ์
ได้ให้กำลังใจตลอดเป็นช่วงกอบกู้วงการป่าไม้ ต้องเหนื่อยกันมากหน่อย
แต่ภูมิใจและมีความสุข ความปิติมากที่ได้ทำเพื่อชนรุ่นต่อไป ไม่เสียชาติเกิด"
"เพื่อน ๆ
หลายคนที่เก่งทำงานดี มีอุดมการณ์มีหลายคนมาก ๆ ควรเป็นผู้นำองค์กร แต่ระบบเส้นสาย
ซื้อขายตำแหน่งของนักการเมืองทำให้เหลวแหลก"
"ตำแหน่งต่าง
ๆ เดี๋ยวนี้ไม่มีคุณค่าอะไร เพราะใครเป็นก็ได้ คุณสมบัติข้อเดียวคืออย่าเบี้ยวเปอร์เซ็นต์...หุ
หุ"
"เมื่อเราแยกแยะผิดชอบชั่วดีได้
และมีความรับผิดชอบก็พอแล้ว ขอเป็นจุดขาวเล็ก ๆ ในสังคม
ถ้าทุกคนเข้าใจก็ทำผ้าดำเป็นขาวได้"
"ทุกวันนี้คิดอย่างเดียวว่าจะไม่ทำชั่วอีกแล้ว"
เพื่อนป๊งมีภรรยาคู่ชีวิตคือคุณน้อย
ซึ่งมีพื้นเพและทำงานที่ธนาคารออมสิน ในจังหวัดอุตรดิตถ์
ซึ่งอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและอบอุ่นตามอัตภาพอย่างน่าอิจฉา มีบุตร 2 คนที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งโดยลูกสาวคนโตจบแพทยศาสตร์บัณฑิต
เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยนเรศวร
ส่วนลูกชายคนเล็กจบทางด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งทั้งคู่ต่างมีงานทำอย่างมั่นคงเป็นหลักแหล่งแล้ว
ดังนั้นเชื่อว่าในชีวิตข้าราชการบำนาญของเพื่อนป๊ง
คงประสบความสุขจากผลบุญที่ตัวเองและภรรยาได้สั่งสมมาโดยตลอดตั้งแต่วัยหนุ่มสาวนั่นเอง
Last updated: 2016-12-29 09:25:36