หลังจากที่แผนการขั้นแรกเสร็จสิ้นลงไปแล้วพวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่ก.พ.จะอนุมัติตำแหน่งจะแวะเวียนไปถามที่กองการเจ้าหน้าที่บ่อยก็ละอายใจ เพราะถามบ่อยเหลือเกินและก็ได้รับคำตอบคำเดิม ๆ ว่า ทำเรื่องไปให้หมดแล้วให้รอหน่อย 2 เดือนผ่านไปแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะมีข่าวดีหรือความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่พอจะเป็นลางบอกเหตุให้เป็นเป็นความหวังได้ วันนี้ข้าพเจ้ามาทำงานที่กรมสายไปหน่อยเพราะมัวไปเบิกเงินธนาณัติที่ทางบ้านส่งมาให้ใช้ไปพลางก่อน พอมาถึงกรมฯก็เจอเอาเพื่อนรัก ประเภทอุดมการณ์เดียวกันเข้าทำให้ดีใจมาก......
จินต์ กลับมาจากต่างจังหวัดเมื่อไหร่ เราพยายามติดต่อนายตลอดเวลา
เรามัวไปคุมชาวเขาปลูกป่าอยู่บนดอนโน้น ไม่รู้เรื่องทางนี้เลย เป็นยังไงบ้าง
สมจิตน์ เรืองกิจ เป็นเพื่อนนิสิตที่สมัยเรียนสนิทสนมกันมาก เพราะเราทำงาน Activity ด้วยกันในตอนเรียนเราออกหนังสือสิ่งพิมพ์เป็นหนังสือเสียดสีสังคมเกษตร ชื่อหนังสือว่า ขี้เหร่นิวส์ หรือในนามภาษาต่างประเทศว่า อั้กลี่นิวส์ สมจินต์มีฝีมือในการเขียนโคลงกาพย์ กลอน และเป็นมือพิมพ์ดีด สำหรับข้าพเจ้านั้นมีฝีมือทางศิลปกรรม วาดรูปทุกชนิดที่จะทำให้เกิดความบันเทิงได้ เราร่วมงานกันมาอย่างเอาเป็นเอาตายมาแล้ว ขนาดทุกคอลัมน์บางฉบับไม่มีนักเขียนประจำส่งต้นฉบับเราสองคนก็เคยเข็นมันออกมาได้เพราะช่วยกันเขียน โดยสองนักเขียนจำเป็น...... เมื่อสมจินต์สอบถามมา ข้าพเจ้าจึงได้ชวนสมจินต์ไปกินอาหารกันที่สโมสรกรมป่าไม้แล้วเราก็เริ่มสาธยายยุทธการที่ผ่านมาทั้งหมดให้เพื่อนฟังจนหมดไส้หมดพุง อัดอั้นมานานไม่ได้ระบายพอมันออกหมดจิตใจเริ่มสงบ สบาย สติเริ่มกลับคืนมา แสดงว่าที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้พกเจ้าโมหะ โทษะ ไว้เต็มตัว...... ไม่เคยสบายเหมือนวันนี้เลย......
ทศ เราว่ามันจะยังไงแล้วนะ มันนานเกินรอแล้ว กองการเจ้าหน้าที่เล่นตุกติกอะไรกับเราอีกก็ไม่รู้ เราสังหรณ์ใจอย่างนั้น มันจะผิดถูกอย่างไร ช่วยกันหน่อย
สมจินต์ ทักท้วงให้เราได้คิดว่าเราควรจะต้องทำอะไรเป็นรอบที่สองมิฉะนั้นแล้วคงไม่สำเร็จ พอสมจินต์จุดประกายแห่งความคิด ข้าพเจ้าเริ่มได้ไอเดีย ครั้งนี้เห็นจะต้องทิ้งทวนเสียที ยุทธการครั้งนี้เห็นทีจะต้องยืมตำรากำลังภายในมาใช้ได้แล้ว หากอยากจะได้ลูกเสือ ใยมิบุกถ้ำเสือเล่า ว่าแล้วเราก็ขยายความคิดให้สมจินต์ฟังว่า เห็นทีจะต้องขอเข้าพบท่านอธิบดีกรมป่าไม้เสียที ในตอนแรกที่พวกเราไม่กล้าขอเข้าพบท่านก็เนื่องมาจากเกรงกลัวในบุญบารมีของท่านและท่านก็วางตัวทำให้พวกเราคิดว่าไม่ควรจะไปรบกวนท่าน และอีกทั้งท่านมีบุคลิกที่ทำให้พวกเราเกรง และออกจะกลัวที่จะต้องพบท่าน ลักษณะท่านเหมือนเจ้าขุนมูลนายในสมัยเก่า แต่เลือดมันเข้าตาแล้ว อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ตัดสินใจร่วมกับสมจินต์แล้วจึงได้นัดหมายกันในตอนพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. มาพบกันที่ห้องวางแผนก่อนเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ
จินต์นายกินข้าวแล้วหรือยัง ถ้ายังนายไปกินก่อนดีกว่า เราขอเวลาไปหาข่าวก่อนว่าอธิบดีท่านมาแล้วหรือยัง
ข้าพเจ้าทักสมจินต์เมื่อเห็นเดินมาพบข้าพเจ้าตามนัด สมจินต์มาตรงเวลาจริงคงจะกังวล และตื่นเต้นที่จะได้เข้าพบท่านอธิบดีเช่นเดียวกับข้าพเจ้าที่เมื่อคืนกว่าจะหลับตาลงได้ก็เกือบตีหนึ่งล่วงไปแล้ว ว่าแล้วข้าพเจ้าก็จูงมือสมจินต์ ณ บัดนั้นคือเพื่อนตายของข้าพเจ้าคนเดียวจริงเป็นยังไงเป็นกัน เมื่อไปถึงหน้าห้องท่านอธิบดี ตามขบวนการแล้วจะต้องเข้าไปแจ้งเลขาหน้าห้อง ถามว่าท่านอธิบดีว่างและจะขอเข้าพบได้หรือไม่ เท่าที่ข้าพเจ้าจำได้หน้าห้องเป็นชายอายุราว 30 ปีเศษ รู้สึกว่าจะมีตำแหน่งพนักงานป่าไม้โท ข้าพเจ้าไม่รู้จักจริง ๆ
พี่ครับผมมุระอยากจะขอความกรุณาพี่ ช่วยเรียนท่านอธิบดีท่านด้วยว่ามีลูกจ้างกรมฯขอความกรุณาพบสักครู่จะได้หรือไม่
พอข้าพเจ้าเอ่ยปากถามแกมขอร้องไปได้สักครู่ พี่คนที่เป็นหน้าห้องเงยหน้ามาอย่างช้า ๆ มองข้าพเจ้ากับสมจินต์ตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับถามเราทั้งสองแบบเนือย ๆ ว่ามีธุระอะไรสำคัญนักหรือทำไมไม่ไปพบรองอธิบดีก่อน
ผมได้ไปพบรองฯมาเรียบร้อยแล้วท่านว่าอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ท่านอธิบดี
ข้าพเจ้ารีบตอบแต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่จะขอเข้าพบให้ทราบเพราะเห็นว่าเรื่องมันยาว พบท่านอธิบดีเลยจะดีกว่า เลขาหน้าห้องเห็นพวกเราเป็นเด็กเลยทำเป็นเดินเข้าไปในห้องแต่ไม่ใช่ห้องท่านอธิบดี สักครู่ก็เดินออกมาแจ้งผล..........
ท่านอธิบดีไม่ว่างงานล้นมือ พวกคุณมาวันหลังก็แล้วกัน
มันเป็นคำพูดที่สั้นห้วน แต่ในความรู้สึกของข้าพเจ้ามันคือคำพิพากษาขั้นประหารชีวิตเลยทีเดียว ฟังแล้วในมันห่อเหี่ยว ซึมไปเลย สำหรับสมจินต์นั้นปกติเป็นคนใจเย็น มาถึงตอนนี้หน้าที่เคยแดงกลับซีดลงฉับพลันทันที สำหรับข้าพเจ้าแล้วเสียใจเพียงแว็บเดียวชินเสียแล้วกับความผิดหวังจากกรมป่าไม้อันเป็นกรมฯแม่ของเรา มืดแปดด้านเป็นอย่างไรข้าพเจ้าเริ่มซึ้งเอาก็คราวนี้เอง แขนขาหมดเรี่ยวหมดแรงแทบจะก้าวขาไม่ออก สมองมึนงงไปหมด อนาคตมันจะดับวูบไปในครั้งนี้เป็นแน่แท้ เมื่อสติเริ่มเข้ามาเยือนข้าพเจ้าสะกิดสมจินต์ให้เดินตามข้าพเจ้ามา........
จะเอายังไงดีละทศ เราคิดอะไรไม่ออกแล้ว
สมจินต์เป็นเพื่อนรักเริ่มถ้อยคำอันแหบแห้งเหมือนบัวแล้งน้ำไม่มีผิด ข้าพเจ้าก็ไม่ต่างไปจากสมจินต์นักแต่อาศัยประสบการณ์จึงเก็บอาการไว้มิแสดงอาการท้อแท้หรือหมดหวังให้เพื่อนเห็น
มันต้องมีทางออกจนได้และนา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
ข้าพเจ้าพูดปลอบใจเพื่อนจินต์ไปทั้ง ๆที่ยังคิดอะไรไม่ออก รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ เขายังทำก๊อกน้ำมันสำรองไว้ แล้วใจคนเราไม่มีกำลังสำรองบ้างหรืออย่างไร ต่อไปนี้มันคงเป็นก๊อกสุดท้ายจริง ๆ เพราะล้าเต็มทนแล้ว เมื่อชวนกันไปรับประทานอาหารเที่ยงจนอิ่มแปล้แล้ว มันเป็นไปตามยุทธพิชัยสงครามจริง ๆ ที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง จากเมื่อสักครู่ที่มันมืดมิดมองอะไรแทบไม่เห็น บัดนี้เสมือนปรากฏแสงเรืองรองขึ้นมาจากปลายถ้ำ เริ่มจากความริบหรี่ค่อย ๆ สว่างขึ้นมาจนเกิดแสดงสว่างบัดเจิดจ้าขึ้นมาทันที......
จินต์ เราคิดอะไรออกแล้ว เห็นจะต้องใช้วิธีนี้จึงจะได้พบท่านอธิบดี
ว่าแล้วข้าพเจ้าเริ่มขยายแผนการเผด็จศึก คือว่าในช่วงก่อนหน้านี้ประมาณเดือนเศษ เมืองไทยเราอยู่ในสภาวะตุลาคมทมิฬ นิสิต นักศึกษา ล้มล้างทรราชเสร็จมาใหม่ ๆ นิสิต นักศึกษากำลังเป็นฮีโร่ ไปไหนก็มีแต่คนต้อนรับและชื่นชม ข้าพเจ้าเริ่มปิ้งไอเดียนี้เมื่อเห็นพี่ที่ห้องผูกเน็กไทด์สีเขียวมาทำงาน ข้าพเจ้าจึงได้อธิบายให้สมจินต์ฟังว่าพรุ่งนี้เรามากันใหม่แต่งตัวให้เรียบร้อยผูกเน็กไทด์สีเขียวมาด้วย แปลงโฉมให้เด็กกว่านี้หน่อยแล้วเราเริ่มต้นใหม่.........
หน้าห้องอธิบดีกรมป่าไม้ ที่เก่าเวลาเดิม อะไรจะเกิดขึ้นตามข้าพเจ้ามา....
ทศนารถ สมจินต์ รอเราด้วย
ขณะที่ข้าพเจ้าเดินกำลังจะถึงหน้าห้องอธิบดี ก็ได้ยินเสียงกู่เรียกตามมาข้างหลัง เราทั้งสองหันไปมองพร้อมกัน นึกว่าใครที่ไหน เพื่อนวิทูรย์ เริ่มวิรัตน์ ไม่รู้โผล่มาจากไหน รถด่วนขบวนสุดท้ายจริง ๆ
ทศ เรารู้เรื่องต่าง ๆ หมดแล้วเราขออาสาเจ้าไปด้วยคนก็แล้วกัน
ข้าพเจ้าพิจารณาแล้วเห็นว่า สามหัวหน้าจะดีกว่าสองหัว และอีกทั้งเพื่อนทูรย์เป็นคนมีปิยวาจาคงจะช่วยอะไรได้ไม่มากก็น้อย ว่าแล้วข้าพเจ้าตอบตกลงและให้เพื่อนทูรย์ ซึ่งมิได้แต่งตัวตามพวกเราเดินตามหลังไปพบหน้าห้องอธิบดีโดยขอพบท่านอธิบดีอ้างตัวเองว่าเป็นนิสิตมาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีเรื่องสำคัญจะหารือเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ โชคดีเป็นของเราที่เมื่อวานนี้หน้าห้องไม่ได้สนใจพวกเรามากนักเพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ จึงจำพวกเราไม่ได้ จึงเข้าไปขออนุญาตปรากฏว่าท่านอธิบดีให้พวกเราเข้าพบ
พวกเราเดินเข้าไปในห้องท่านอธิบดีด้วยใจที่ไม่เป็นสุขนัก พวกเราเดินไปยืนตรงต่อหน้าท่านซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเซ็นหนังสือซึ่งกองเต็มไปหมด เมื่อท่านไม่ได้สั่งให้พวกเรานั่ง พวกเราจึงยืนอยู่ต่อหน้าท่าน เมื่อท่านลงนามในหนังสือแฟ้มสุดท้ายเสร็จแล้วท่านก็เงยหน้าขึ้นมา.......
พวกเธอมีอะไรจะให้ฉันช่วย ว่ามา
ท่านถามพวกเราด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบแฝงไว้ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะปราณี ผิดคาดจากที่เราวาดไว้ราวฟ้ากับดิน ข้าพเจ้าเห็นเป็นโอกาสเปิดให้แล้วมิรอช้า...... เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ดำเนินการไปให้ท่านได้ทราบคงเพียงแต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่หน้าห้องไม่ให้เข้าพบเพราะมันไม่ได้เกิดผลดีแต่อาจจะกลับเป็นผลร้าย ท่านรับฟังด้วยความสงบตั้งแต่ต้นจนจบโดยมิได้แสดงอาการใดออกมาให้เดาได้เลยว่าท่านคิดอะไรอยู่ และเมื่อข้าพเจ้ากำลังเล่าเรื่องอยู่นั้น เพื่อนทูรย์มีโอกาสได้ร่วมเสริมไปอีกว่าพวกเราลำบากอย่างไร และไม่เพียงแต่เพื่อนทูรย์สาธยายด้วยคำพูด เพื่อนทูรย์ยังหลั่งน้ำตาของลูกผู้ชายออกมาให้ท่านได้เห็นอีกด้วย เป็นการเข้าถึงบทจริง เมื่อเรื่องราวต่างจบลงท่านก็ได้ให้ความหวัง........
เอาละฉันจะรับเรื่องของพวกเธอไว้แจ้งให้ท่าน พ.อ.จินดา ณ สงขลา ท่านได้ทราบในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่สนามม้าในเดือนหน้านี้พวกเธอสบายใจได้
เมื่อท่านรับปากพวกเราแล้วข้าพเจ้าสะกิดให้พวกเรารีบลาท่านกลับเพราะรบกวนเวลาท่านมากแล้ว ได้พบแค่นี้ก็เป็นบุญโขแล้วผลมันจะออกมาอย่างไรก็ช่างมัน.....สุด ๆ แล้วของความพยายาม
ข้าพเจ้าขอทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านสักนัด ที่ท่านรับปากว่าจะเจรจากับ พ.อ.จินดา ณ สงขลา นั้น เพราะว่าท่าน พ.อ.จินดา ท่านเป็นเลขาธิการ ก.พ. ในขณะนั้น และทั้งท่านเลขาและท่านอธิบดีได้รับตำแหน่งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นสภาที่ตั้งขึ้นหลังจากการล้มทรราชของนิสิต นักศึกษา ประชาชน ...... ท่านทั้งสองเป็นเพื่อนกัน!
เราทั้งสามเมื่อออกมาแล้วได้ถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รู้ได้เห็นให้กับสมัครพรรคพวกที่รอคอยฟังข่าวกันอยู่มากพอสมควร สำหรับข้าพเจ้าไม่หวังอะไรอีกแล้ว คิดแต่ว่าได้ทำหน้าที่ต่อส่วนรวมเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปอยู่ที่ดวง สวรรค์เท่านั้นจะรู้ได้ และแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ
วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าก็จับรถไฟเดินทางกลับมาตุภูมิ เสมือนปักษายามหากินจนจบแสงสุริยา รวงรังเท่านั้นคือแหล่งสุดท้าย อะไร อะไรจะสุขใจเท่าบ้านเราเป็นไม่มี.....ถึงแม้จะตกงานก็ตาม อ้อมแขนของพ่อและแม่ยังรอเราอยู่เสมอ ข้าพเจ้าเริ่มเตรียมเอกสารเพื่อที่จะสมัครเข้าทำงานแบงค์ เนื่องจากป้าเป็นผู้จัดการ ท่านถามว่าไม่เสียดายวิชาชีพที่เรียนมาหรือ ข้าพเจ้าตอบคำถามนี้ไม่ได้ ท่านให้เวลาไปนอนคิดสองสัปดาห์......
ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจนั้น มันเป็นวันที่เท่าใดจำไม่ได้ จำได้แต่เพียงว่า กรมป่าไม้มีหนังสือให้ไปรับคำสั่งและหนังสือส่งตัวเพื่อเข้ารับราชการ ใจของข้าพเจ้าพองโตรีบไปแจ้งให้ป้าทราบว่า ข้าพเจ้าเลือกที่จะรับใช้วิชาชีพที่ตนเรียนมา และแล้วก็รีบเดินทางไปกรุงเทพฯ ตรงดิ่งไปหาเพื่อนรัช ซึ่เช่าบ้านอยู่หน้าบริษัทเสริมสุข คลองจั่น พอไปถึงเจอเพื่อนกำลังนั่งดูคำสั่งกรมป่าไม้ ข้าพเจ้ายังจำได้ว่ามันเป็นคำสั่งกรมป่าไม้ที่ 82/2517 เป็นคำสั่งบรรจุแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนวิสามัญชั่วคราว เพื่อทดลองปฏิบัติราชการ จำนวนทั้งสิ้น 68 นาย โดยบรรจุทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2517 สั่ง ณ วันที่ 22 มกราคม 2517 ลงนามประดิษฐ์ วนาพิทักษ์ โดยบรรจุนายนิรันดร ฤทธ์มนตรี เข้ารับราชการต่อจากผู้สอบได้ ลำดับที่ 35 บรรจุในอัตราเงินเดือนตั้งใหม่ พ.ศ. 2517 เป็นตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี รับเงินเดือน 1,320 บาท ในคำสั่งชุดนี้มีบุคคลที่ได้เป็นใหญ่เป็นโตอยู่สองท่าน ท่านแรกคืออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ท่านสมชัย เพียรสถาพร ท่านวิทูรย์ เริ่มวิรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักฯ ดาราเจ้าน้ำตา สำหรับข้าพเจ้าถูกบรรจุให้ไปอยู่สำนักงานป่าไม้เขตอุบลราชธานี และอยู่มาจนถึงปัจจุบัน........
ก่อนจำอำลาเรื่องราวต่าง ๆ นี้ไป ข้าพเจ้าอดที่สงสัย กังขาอยู่ในใจไม่ได้ว่า ทำไมเรื่องราวของเรามันพอถึงเวลาจะจบมันก็จบลงได้ด้วยความสดใส มันเป็นนวนิยายน้ำเน่าหรือเปล่าที่ทุกอย่างต้องจบด้วยบท Happy ending เสมอไป ทบทวนแล้วมันมิใช่หรอก สิ่งใดเกิดแต่เหตุเมื่อเหตุนั้นดับ สิ่งนั้นก็ดับด้วย ข้าพเจ้าทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาพอจะเดาได้ว่าคงจะเป็นเพราะบารมีของท่านอธิบดีที่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือบุคคลระดับบิ๊กบอสแล้วเพียงแค่ยกหูโทรศัพท์หากเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ใยจะมิรีบดำเนินการ หากเป็นชนระดับเดียวกัน เพียงแต่ร้องขอก็สำเร็จสมใจนึก ท่านอธิบดีท่านได้ดับไปที่เหตุก็คือกองการเจ้าหน้าที่ เมื่อเหตุแห่งการไม่ขอตำแหน่งหมดไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มเดินไปตามครรลองของธรรมชาติ พวกเราได้บรรจุสมใจนึก ก่อนจบเรื่องจริงอิงนิยายนี้ไป ข้าพเจ้าขอกราบงาม ๆ สักหนึ่งครั้ง สำหรับท่านอธิบดีในดวงใจของข้าพเจ้า หากแม้นเมื่อใดมีโอกาสบุญคุณจำต้องทดแทนเป็นแน่แท้ การรู้รักสามัคคีของพวกเราก็เป็นพลังอันหนึ่งที่ผลักดัน ขับเคลื่อนจนสำเร็จลุล่วงฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการไปได้ แม้จะลำเค็ญเพียงใดหาย่อท้อไม่............
บัดนี้อดีตมันได้ถูกทอดทิ้งไปแล้ว บางคนมิต้องการที่จะรื้อฟื้นมันขึ้นมา เพราะโดยหลักแล้วเราควรจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุดแล้วอนาคตมันจะสดใสด้วยตัวมันเอง ไม่ควรจมปรักอยู่กับอดีตมันจึงจะถูกต้อง ข้าพเจ้ามิบังอาจที่จะถกเถียงถ้อยคำหรือวลีของนักปราชญ์ราชบัณฑิต แต่ที่เขียนเรื่องราวต่าง ๆ นี้ขึ้นมาเพื่อเตือนสติตนเองมิให้หลงใหลได้ปลื้มกับ ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ แห่งโลกมายาใบนี้ ท่านอย่าลืมว่าบางครั้ง บางโอกาส ประวัติศาสตร์มักซ้ำรอยเดิมของมันเสมอ อย่าประมาทเป็นอันขาด.....บทสุดท้ายก็ได้ลูกเสือสมใจนึก
ปัญญาเปรียบประดุจดังอาวุธ สุจริตไซร์คือเกราะกำบังศาสตร์พ้อง
Last updated: 2015-05-19 22:21:50