ดอกเสลาแย้มบานวันสิ้นฝน
กลีบม่วงหม่นย้ำใจให้ครวญหา
รักหวานชื่นกลายช้ำฉ่ำน้ำตา
เธอเอ่ยลาจากไปสิ้นไยดี
ทิ้งคำมั่นสัญญามากลับกลาย
สุดฝืนทนคนแพ้พ่ายเธอหน่ายหนี
เสียดายเอยเคยสัมพันธ์นานหลายปี
หวังที่มีพลันหายมลายไป
ลืมสิ้นหนอจักรยานปั่นเคียงข้าง
ฝันร่วมทางช่างบรรเจิดเพริศสดใส
ทั้งเช้าสายบ่ายค่ำฉ่ำชื่นใจ
ได้เคียงใกล้คนดีสี่ปีเต็ม
เห็นนนทรีข้างสระพาเหงาหงอย
เหมือนเฝ้าคอยวันคืนชื่นเกษม
ก่อนเคียงคู่ชมนกไม้ใจอิ่มเอม
สิ้นปรีด์เปรมไร้คนชิดจิตตรอมตรม
โรงอาหารก่อนนี้มีเขาอยู่
กลับหดหู่เดียวดายใจขื่นขม
กินฝืดคอรสปร่าเซ็งอารมณ์
ทนฝืนข่มกลืนกล้ำช้ำอาทร
ผ่านตึกเรียนร่วมกันวันอดีต
ดั่งถูกมีดกรีดทรวงคอยลวงหลอน
เคยท่องบ่นหยอกเย้าเจ้าบังอร
ยังอาวรณ์ถึงซุ้มไม้ให้ร่มบัง
ภาพฝึกงานพาเหงาบนเขาใหญ่
ปักธงชัย-วนกรอ้อนความหลัง
อีกห้วยทากร่วมลุยป่าเหนื่อยประดัง
อนิจจังดังคำพระอนัตตา
ดอกเสลาเศร้าโรยโปรยกลีบม่วง
น้ำตาร่วงระทมใจใต้พฤกษา
หลายปีผ่านรันทดท้อทรมา
เฝ้ากรวดน้ำย้ำชาติหน้าอย่าพบกัน
ครูนิด วน. 43
ชมรมสีเสียดแก่น
แรงดลใจ:
ทุกคนเกิดมาล้วนต้องมีอดีตที่ประกอบด้วยรสชาติอันแตกต่างกันไป อาจสมหวัง หวานชื่น ขมขื่น ท้อแท้ฯลฯ คลุกเคล้ากันไปตามประสบการณ์ที่สัมผัส ส่งผลต่อความทรงจำในแต่ละเรื่องที่กระทบกระแทกใจของแต่ละคน ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เพราะแต่ละคนมีความอ่อนไหวทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน บางคนเพียงแค่เห็นสีม่วงของดอกไม้ก็อารมณ์กระเจิดกระเจิงไปถึงอดีตอย่างน่าเวทนา
เราไม่ควรหาทางในการกลับไปสู่ชีวิตที่ผ่านมา เพราะกาลเวลาไม่สามารถหวนคืนได้เหมือนสังขารคนที่ร่วงโรยไป แต่ควรใช้บทเรียนจากอดีตมาใช้ประกอบกับการดำเนินวิถีชีวิตของตนที่ต้องเผชิญกับความเป็นจริงบนโลก(ที่สับสน)ใบนี้ต่อไปอย่างมีความสุขให้เหมาะสมกับอัตภาพของตนที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ทั้งนี้ต้องช่วยตัวเองให้มากที่สุดเพราะไม่มีใครที่จะมาคอยทุ่มเทในการทำทุกอย่างให้อย่างแน่นอน
Last updated: 2013-07-24 06:18:47