เริ่มเมื่อปีพ.ศ.2513 ได้เข้ามาเรียนคณะวนศาสตร์ เมื่อผ่านการรับน้องรุ่นพี่ ๆ ได้สัมภาษณ์เห็นว่ารุ่นนี้(วน.36) มีหลายคนที่เคยเล่นดนตรีมาก่อนสมัยอยู่โรงเรียนเดิมเช่นคุณเมตต์ สงวนดีกุล มือกลอง(ปัจจุบันเป็นประธานอิตัลไทย อุตสาหกรรมเคยเล่นด้วยกันสมัยเรียนที่โรงเรียนเซสต์คาเบรียลกับท่านอติเทพ Lead guitar - พล.ต.ท.อดิเทพ ปัญจมานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด) และก็ยังมีท่านกฤษณะ พฤกษะวัน Cord ท่านมาลุวิชญ์ บุณยสมิต Cord และผมประสิทธิ์ แสงกล้า Bass ก็เคยเล่นมาก่อนสมัยเรียนมัธยม และก็ยังมีเพื่อน ๆ รุ่นนี้อีกหลายคนที่มีความสามารถ รุ่นพี่คัดเลือกมาเพียงเท่านี้เริ่มกันเพื่อความคล่องตัว

ยุคแรกใช้เครื่องดนตรีขนมาจากบ้านท่านเมตต์เป็นส่วนใหญ่ ต่อมาก็ได้เครื่องดนตรีจากวง The Move ของท่านอดิเทพมาเสริม เล่นโชว์ครั้งแรกที่ตึกคณะวนศาสตร์ ตั้งเครื่องกลางทางขึ้นตึกคณะฯ เพื่อน ๆ เราเป็นกองเชียร์เพรียบ รุ่นพี่เห็นมีแววเลยคิดหาทุนซื้อเครื่องดนตรีให้เป็นของคณะ และตั้งชื่อให้ว่าวง The Forester

พี่ ๆ ที่เป็นเรี่ยวแรงหลักในการก่อตั้งที่ผมนึกได้ตอนนี้ก็มีผู้แทนคณะพี่คงศักดิ์ ภิญโญภูษาฤกษ์ และนายกสโมสรวนศาสตร์พี่พงษ์ศักดิ์ พี่พินิจ บัวแดง พี่ชุมพล สุขเกษม และอีกหลายท่าน รุ่นพี่ Senior ของเราจะหางานให้พวกเราไปเล่นส่วนใหญ่ก็เป็นงานพบปะสังสรรค์ของรุ่นพี่ ๆ ที่ทำงานอยู่กรมป่าไม้ซึ่งจบไปก่อนหน้าเราเข้ามาเรียน

เพลงที่เล่นส่วนใหญ่จะเป็นเพลงของวนศาสตร์และเพลงที่กำลังฮิตในยุคนั้น ได้รับเงินบริจาคหลาย ๆ งานรวมกันซื้อเครื่องดนตรีเป็นของ Forester เองเป็นวง String ของสโมสรวนศาสตร์ เป็นวงดนตรีประจำคณะวงเดียวของมหาวิทยาลัยฯ ในสมัยนั้น รุ่นพี่ที่เป็นอาจารย์ไปเรียนต่อเมืองนอกสละห้องให้เป็นห้องซ้อมดนตรี จะมารวมกันซ้อมหลังอาหารเย็น

ช่วงก่อตั้งวงใหม่ ๆ จะมีงานให้เล่นอยู่เรื่อย ๆ ทั้งในรั้วมหาลัยเกษตรของเราเองทั้งจุฬาฯ ศิลปากรก็ยังมีแฟนประจำเดินสายไปเล่นต่างจังหวัดก็บ่อยครั้ง ปีต่อมาได้เพิ่มเพื่อนนักดนตรีเข้ามาอีก ท่านทินกร วุฒิวิจารณ์มาเล่น Saxophone ท่านยงยุทธ พูนเกษม เล่น Trumpet ยุคแรกยังไม่มี Keyboard และในปีเดียวกันนี้ก็ได้มีวงดนตรีลูกทุ่งรวมดาวกระจุยเกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน มหาลัยเกษตรฯ ช่วงนั้นก็จึงมีวงดนตรีใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 2 รูปแบบ นอกเหนือจาก KU band วงตั้งเดิมประจำมหาวิทยาลัยฯของเรา

งานใหญ่ ๆ บางงานหลายคราวเราก็จะเล่นร่วมกันทั้งสามวง คนละสไตล์ที่เวทีหลังหอประชุมยุคนั้นเป็นยุคต้นของวง String ซึ่งมีการประกวดชิงถ้วยพระราชทานทุก ๆ ปีและวงดนตรี The Impossible ได้เป็นแชมป์หมาด ๆ ดนตรีประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวาง สมัยนั้นกลางคืนผู้ปกครองไม่อนุญาตให้สาว ๆ ไปเที่ยวเหมือนทุกวันนี้ จึงมักจะมีการจัด Tea dance เช่าห้อง Ball room โรงแรม/สวนลุมฯ เล่นดนตรีเต้นรำกันวันเสาร์/อาทิตย์ บ่ายถึง 5 โมงเย็นขายบัตรเข้างาน 20-100 บาท ได้รับค่าจ้างไปเล่นครั้งละแปดร้อยถึงสามพันบาทประมาณนั้น(ยุคนั้นทองคำบาทละ 350.-) หนังใหม่เข้าโรงฉายรอบปฐมทัศน์ขายบัตรราคาพิเศษต้องตื่นไปเล่นตอน 6 โมงเช้า

มีงานดนตรีกันมากมายในช่วงนั้นผมเองก็วิ่งรอกเล่นวงข้างนอกรั้วมหาลัยฯ อีกรับงานจนไม่ได้เข้าเรียนวิชาในป่า ลงเรียนวิชาต่อไม่ได้ต้องย้ายคณะไปเรียนต่อเศรษฐศาสตร์กับท่านอดิเทพ จึงจำเป็นต้องอำลาจากคณะวนศาสตร์

ทุกวันนี้ก็มีบ่อยครั้งรวมกันเล่นและเพิ่มสมาชิกรุ่นเดียวกันที่ไม่ใช่วนศาสตร์เข้ามาเสริมจึงให้ชื่อใหม่ว่าวง KU30 ซึ่งสมาชิกดั้งเดิมที่เป็นหลักก็คือ Forester ทั้งชุดครับ เพื่อน ๆ ก็ยังคงเรียก Forester เหมือนเดิม ยุคหลังนี้พอมีภาพบ้างแต่ยุคก่อตั้งนั้นหากล้องถ่ายรูปไม่ค่อยได้ มีรูปถ่ายเก็บไว้บ้างเหมือนกันแต่หามาประกอบเรื่องไม่ทันส่วนใหญ่ผมต้องเดินทางอยู่เสมอ ยังรวมตัวกันเล่นดนตรีอยู่ครับ ทุกวันนี้ขึ้นเวทีเลยไม่มีการซ้อมเพราะเพลงที่เล่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพลงเก่า ๆ ยุค 60/70 ซึ่งกลับมาฮิตกันใหม่ในปัจจุบัน

เล่าความเป็นมากำเนิดวงดนตรี The Forester พอเป็นสังเขปด้วยความเคารพและนับถือรุ่นพี่ ๆ และเพื่อน ๆ มากมายหลาย ๆ ท่านที่ได้ร่วมกันเสียสละแบ่งเวลามาสร้างสรรค์และเป็นกำลังใจจนเกิดเป็นวงดนตรีประจำคณะขึ้นมาจนได้และคาดว่าคงน่าจะมีอยู่คู่กับคณะวนศาสตร์ของเราต่อไป

เอ้าใครอ่านแล้วรู้สึกว่าถูกพาดพิง หรือ เล่ายังไม่สะเด็ดก็เชิญร่วมแจมความคิดเห็นกันได้นะครับ

จากเดอะฟอเรสเตอร์สี่ศูนย์