"แหมเดินป่าแค่นี้นี่เหนื่อยมาก"
แกล้งเอ่ยปากอ้อนสาวรุ่นหุ่นอึ๋มบ๊ะ
"ก็คุณลุงสูงวัยทราบไหมค่ะ
ระวังนะจะเป็นลมล้มคว่ำไป"
อารมณ์บูดผุดขึ้นมาพาสวนคำ
"น้องมาปล้ำกันสักทีจะดีไหม"
ถูกหยามมา"อย่าฝืนชวนควรรู้วัย
เดี๋ยวขาดใจตายเป็นข่าวอื้อฉาวดัง"
."เคยบุกป่าแต่ละครั้งตั้งหลายวัน
ไม่อยากหันคุยเรื่องเก่าเล่าความหลัง
ไล่จับคนทำลายป่ามาเยอะจัง
ทุ่มพลังทั้งกายใจไม่กลัวเกรง"
สาวตอบหยัน"นั่นเหตุการณ์นานแค่ไหน
โถป่าไม้ยอดใจสู้ผู้แสนเก่ง
ยังคุยโวโอ่ตอกย้ำทำนักเลง
ไม่ถึงเพลงคงสิ้นท่าตกม้าตาย"
จึงย้อนหลังครั้งอดีตคิดทบทวน
กระอักกระอ่วนชวนคนป่าพาใจหาย
สามสิบปีที่เคยผ่านนานมากมาย
โอ้อกชายไหวหวั่นสะท้านทรวง
สลดใจอายขึ้นมาแอบหน้าก้ม
"จะเป็นลมหรือค่ะน่าเป็นห่วง
หากไม่ไหวนั่งก่อนนะอย่าทำลวง"
ว่าพลางล้วงแล้วยื่นมาหลอดยาดม
ทั้งค้นหายาหอมพร้อมเอื้อนเอ่ย
"กินได้เลยไม่ต้องน้ำนำผสม
จัดเตรียมไว้ให้คุณพ่อพอใช้อม
ชอบเป็นลมให้เห็นเป็นห่วงจริง"
หนุ่ม(เหลือ)น้อยฝากเตือนเพื่อนป่าไม้
หากสูงวัยอย่าอวดเบ่งเก่งทุกสิ่ง
จะเดินนั่งทำการณ์ใดให้เกรงกริ่ง
ทั้งเรื่องหญิงยิ่งรันทดหมดเชิงชาย
ครูนิด วนศาสตร์(ชมรมสีเสียดแก่น)
www.lookforest.com
แรงดลใจ:
เจอเพื่อนๆชาวป่าไม้
รวมทั้งรุ่นพี่ และรุ่นน้อง(บางคนที่แซงรุ่นพี่) ให้รู้สึกเป็นห่วง
ด้วยยามสนทนาแล้วยังชอบแสดงว่าตัวเองยังเก่งกล้าปานวัยรุ่น ทั้งที่อยู่ในวัย สว.
เพราะอายุเฉลี่ยตามเกณฑ์ทั่วไปก็เกินหกสิบปีแล้ว บางคนได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เผชิญมากับตัวเอง
จึงนำมาเขียนเป็นกลอนบทนี้ ขอยืนยันให้ชัดไปเลยว่าไม่ใช่เป็นประสบการณ์ของตัวเอง
แต่ขอสงวนนามผู้ให้ข้อมูลไว้ตามมารยาทที่ดีของคนไทย
ใครอยากรู้ก็ค่อยถามเป็นการส่วนตัวแล้วกัน
ตัวอย่างเพื่อนในรุ่นบางคนที่น่าเป็นห่วง(ขอใช้ชื่อย่อ
ตามอักษรตัวแรกของชื่อจริง) เช่น ผอ.ส.จากเขาสะแกกรัง ผู้ชำนาญป่าที่น้ำชอบท่วม
แต่ถูกดีดไปทำงานป่าไผ่ ก็ยังชมชื่นกับการก๊งน้ำเปลี่ยนนิสัยเหมือนเดิม
กับบางครั้งยังออกศึกยันตีสองตีสาม เล่นเอาลูกน้องหนุ่มๆถึงเกือบเดี้ยงไปก็มี
เพราะพรรคพวกไม่กล้าอยู่ปะทะด้วย ครั้นยามสายก็มักโทรมาปรับทุกข์ว่าปวดหัวจังเลย
ได้แต่เตือนว่าให้หาหมอเช็คเครื่องเป็นระยะๆ ก่อนที่จะเสื่อมโดยไม่รู้ตัว
ส่วนมหา ว.เจ้าพ่อคลิปเด็ดแห่งเมืองอกแตก รายนี้ไม่นิยมดื่มน้ำอมฤต
แต่ชอบนั่งสมาธิ บริจาคน้ำส่วนตัวและทุนทรัพย์เป็นทุนให้น้องนักศึกษา(ผู้ใหญ่)
เห็นว่าถ้าห่างเหินสังเวียนมากมักทำให้สมองตื้อ คิดเรื่องการงานไม่ค่อยออก
กับทั้งอารมณ์เสียกับคนรอบข้าง(รวมทั้งที่บ้านด้วย)อยู่เนืองๆ
ดังนั้นพอยามว่างจึงพยายามศึกษาหากลเม็ดเด็ดพรายไว้ต่อกรกับน้องๆ ใครอยากเก่งด้านทำหม้อและทำโมะก็ปรึกษาเอา
ก็ได้แต่ตามดูว่าจะไปได้กี่น้ำ
สำหรับพี่ ช. หรือ อ.เพราะเปลี่ยนชื่อใหม่ (อดีต) หนุ่มหุ่นมะขามครึ่งข้อจากเมืองหลังสวน
รายนี้ก็ไม่เบาทั้งเรื่องดุดื่มและเด้ง แต่อย่างหลังดูจะเน้นมากกว่า
แม้จะไม่ถึงหมกมุ่นมากนัก แต่มักชอบของแปลกที่มีลีลาแตกต่างกันออกไป
มีข้อจำกัดเกี่ยวกับเรื่องทุนทรัพย์อยู่บ้าง เลยต้องแสวงหาเป้าหมายแบบlow
price แต่ high
quality เพื่อนคนไหนที่มีรสนิยมทำนองนี้
ก็ไปเยี่ยมเยียนที่ชุมพรหรือสุราษฎร์ธานีได้เลย แต่ต้องเตรียมเสื้อเกราะไปด้วยนะ
อีกรายคือ หลวงพ่อ ค. ที่เรียกกันติดปากว่า บ. เศรษฐีที่ดินเมืองนนท์
ที่แม้เกษียณไปแล้ว ก็ยังวนเวียนมาที่กรมอุทยานฯบ่อยๆ
เห็นว่ามาส่องพระ(หรือส่องไฟหาอะไรก็ไม่รู้) รายนี้ชอบสะสมเครื่องรางของขลังมานาน
วนเวียนคบหาหมู่เกจิอาจารย์หลายสำนักจนได้คาถาดีที่เสกและเป่าถูกสาวใด
เป็นล้มนอนหงายผลึ่ง ผ้าผ่อนหลุดแบบไม่รู้เนื้อตัวมามากต่อมากแล้ว
เป็นห่วงก็แต่ว่าอาจมีลูกเล็กที่ต้องเลี้ยงดู
แม้สิ้นลมหายใจไปลูกก็ยังเรียนไม่จบเท่านั้น
อันที่จริงแล้ว
หากเพื่อนคนใดไม่มีภาระทางครัวเรือนที่ต้องรับผิดชอบแล้ว
น่าจะหันหน้าแสวงหารสพระธรรมกันได้แล้ว เพื่อการเป็นอุบาสกและอุบาสิกาที่แท้จริง(มิใช่ของเทียมที่บางคนพยายามโอ้อวด)
ทั้งนี้เพื่อนในรุ่นที่น่าให้คำปรึกษาได้ดีที่ดูน่าเชื่อถือได้(ตามความเห็นส่วนตัว)
มีอยู่ 4 ท่านที่ขอเอ่ยชื่อจริงได้เพราะเป็นมงคลคือ
มหาเกษม วัยวุฒิ มหาธีระ โค้วประสิทธิ์ มหาธรรมโรจน์(วิโรจน์) อนุรัตน์บดีและมหาวิสูตร
อยู่คง หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมก็กรุณาแนะนำด้วย(นะจ๊ะ)
Last updated: 2018-11-21 23:26:25