�
"วนศาสตร์สามารถกีฬา� วันนี้เรามาเพื่อสามัคคี
มาร่วมไมตรี
เรายินดีร่วมสามัคคี� ถึงแพ้ชนะเราจักพลี
วนศาสตร์สู้ตายร่างกายพลี� ชาติชายชาตรีถึงที่ยอมตาย สู้แค่ตาย..."*
�
•อันเพลงนี้พี่เพื่อนน้องผองเราย้ำ
ยังจดจำคำร้องท่องได้ไหม
"วนศาสตร์สามัคคี"
ที่ปลุกใจ
เร่งโหมไฟพวกเราชาววนา
•ต่างสัญญาเพลงดังครั้งคราวไหน
รวมกายใจร่วมกันเพื่อฟันฝ่า
จะอยู่ใกล้ไกลโพ้นจนลับตา
พร้อมกลับมาบ่าไหล่ได้เคียงกัน
•มิเคยหวั่นอินทร์พรหมยมบาล
ใครรุกรานพร้อมใจได้ห้ำหั่น
ตาต่อตาไม่ย่นย่อฟันต่อฟัน
รักษามั่นศักดิ์ศรีเราชาวพงไพร
•สรรพกำลังหลากหลายให้จัดหา
เต็มอัตราระดมกันไม่หวั่นไหว
ทั้งรวยจนตามฐานะสละไป
ไม่ทิ้งใครสู้โดดเดี่ยวอยู่เดียวดาย
•มาตรแม้นผลแพ้ชนะก็จะสู้
เรื่องหวาดกลัวหัวหดอยู่อย่ามั่นหมาย
ถูกรังแกพร้อมห้ำหั่นกันวอดวาย
เกิดมาตายเหมือนกันหวั่นอะไร
•สู้เพื่อธรรมเคียงคู่สู่สังคม
สู้ให้สมเลือดวนาประกาศไว้
สู้เพื่อพี่เพื่อนน้องผองพงไพร
สู้เปรียบเสือเพื่อป่าไม้ให้พ้นกรรม
•ใครถูกขู่ภัยมาละล้าละลัง
หากถอยหลังอาจแพ้พ่ายให้พาลย่ำ
อันธรรมะย่อมชนะเหนืออธรรม
คำพระย้ำความจริงอย่ากริ่งเกรง
•เสียงกระหึ่ม"วนศาสตร์สามัคคี"
พร้อมลองดีกับอธรรมย้ำข่มเหง
ถึงใหญ่โตสู้ยิบตาเลือดละเลง
ร่วมร้องเพลงหมายพิทักษ์ศักดิ์ศรีเรา
ครูนิด วนศาสตร์
www.lookforest.com
หมายเหตุ *เนื้อร้องส่วนนำของเพลง
"วนศาสตร์สามัคคี"
แรงดลใจ:�
ในบรรยากาศที่ชาววนศาสตร์ถูกรังแกในขณะนี้
ให้หวนนึกถึงเพลง"วนศาสตร์สามัคคี"
ที่พวกเราได้ใช้เป็นสัญลักษณ์ร่วมกันเพื่อแสดงพลังในการเผชิญหน้าหรือต่อสู้กับศัตรูผู้ย่ำยีพี่
เพื่อน น้องและความไม่เป็นธรรมในด้านต่างๆ รวมทั้งเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีของพวกเราอีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เรื่อยมา
เกี่ยวกับความโดดเด่นในด้านความสามัคคีของนิสิตคณะวนศาสตร์
ซึ่งสร้างความปลื้มใจให้ทุกครั้งเมื่อระลึกถึงบรรยากาศเก่าๆที่ผ่านมาสมัยที่เรียนอยู่ในรั้วนนทรี
รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราชาววนศาสตร์จำนวนมากได้ออกมาต่อสู้กับอธรรมต่อวงการราชการป่าไม้ร่วมกันในขณะนี้ในรูปแบบต่างๆ
ทั้งทางตรงและทางอ้อม กับทั้งแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของพวกเราหลายคน
โดยเฉพาะวนกรหญิงบางคน
ที่กล้าเผชิญหน้ากับภัยมืดที่อาจถาโถมเข้ามาจากน้ำมือคนพาลก็ได้ ทั้งนี้ขอเคารพต่อความนิ่งเฉยและการแสดงออกของบางท่าน
ที่อาจมีความเห็นและการกระทำที่แตกต่างออกไปบ้าง ก็สุดแท้แต่เหตุผลของแต่ละคน
เพียงแต่รู้สึกรังเกียจเฉพาะพวกที่ประจบเอาใจพาลเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่ราชการต่อๆไปเท่านั้น
อพิโธ่เอ๋ยอีกไม่นานก็ต้องถอดหัวโขนกันแล้ว
ยังจะตะเกียกตะกายแสวงหาอะไรจากความไม่ชอบธรรมอีก ระวังบาปกรรมจะตามมาหลังเกษียณ
ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่เยอะแยะ น่าจะได้สังวรณ์ใจไว้บ้าง
เพลงวนศาสตร์สามัคคีทำให้นึกถึงสุภาษิตที่ว่า
"สุขา สังฆัสสะ สามัคคี" นั่นก็คือความพร้อมเพรียงของหมู่ทำให้เกิดสุขนั้นแล
�

Last updated: 2016-03-26 09:45:06