นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวในทางการเมืองแล้ว หัวข้อในการสนทนาในวงการนักวิชาการซึ่งเป็นที่นิยมอีกหัวข้อหนึ่ง คือ การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อพิจารณาความเข้มข้นของเนื้อหา และความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมแล้ว สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาครอบครัว ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาสินค้า และบริการ รวมทั้งค่าแรงขั้นต่ำดูจะได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว และก่อให้เกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า

อย่างไรก็ตาม ประเด็นปัญหาดังกล่าวนี้มีรากเหง้าที่แท้จริงจากความต้องการการกินดีอยู่ดีของคนในสังคม ทำให้เกิดการแก่งแย่งแข่งขันบนพื้นฐานกฎ กติกา มารยาท สามัญสำนึก และโอกาสที่แตกต่างกันเป็นสำคัญ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และสังคมที่มีฐานความคิดในลักษณะที่เรียกว่า “โลกาภิวัฒน์” เป็นสำคัญ

ปัญหาอีกประการหนึ่งที่สังคมมนุษย์ในส่วนต่าง ๆ ของโลกต้องประสพอย่างกว้างขวาง และมีแนวโน้มความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง คือ ปัญหาในลักษณะที่รวมเรียกว่า “โลกาพิบัติ” ในรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถคร่าชีวิตมนุษย์ สัตว์ พืช บนโลกได้อย่างมากมายมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว ตัวอย่างที่พบเห็นอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การเกิดคลื่นยักษ์สึนามิที่มีศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา รวมทั้งการเกิดดินพังทลายลงมาทับถมบ้านเรือนชุมชน หรือแม้แต่การเกิด และแพร่ระบาดของไวรัสหวัดนก การเกิดอุทกภัย และวาตภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก เช่น ประเทศจีน อินเดีย ศรัลังกา สหรัฐอเมริกา เป็นต้น หรือแม้แต่การเกิดปัญหาความแห้งแล้งในประเทศต่าง ๆ ในทวีปแอฟริกา โดยแต่ละเหตุการณ์ได้ก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินมากมายมหาศาล รวมทั้งความจำเป็นในการทุ่มเทงบประมาณ กำลังกาย กำลังใจในการฟื้นฟูสถานการณ์ให้กลับคืนสู่ปกติภาวะโดยรีบด่วนอย่างมากมายมหาศาลอีกด้วย ซึ่งเมื่อพิจารณาโดยละเอียดรอบคอบแล้ว พบว่า “โลกาพิบัติ” นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่กับ “โลกาภิวัตน์” ในลักษณะเหรียญคนละด้าน และเป็นไปตามวัฏจักรธรรมชาติ เนื่องจากธรรมชาติถูกรบกวนจนทำให้ความสมดุลภายในระบบธรรมชาติถูกกระทบกระเทือนจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์นั่นเอง

�
สิ่งที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน เป็นผลจากการปรับตัวสู่สมดุลตามธรรมชาติของโลก อย่างไรก็ตาม สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้มิใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในโลก แต่เป็นเพียงการปรับตัวของโลกอีกครั้งหนึ่ง นอกเหนือจากที่เคยเกิดขึ้นแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในอดีตกาล เพียงแต่การปรับตัวเข้าสู่สมดุลของโลกครั้งนี้ อาจมีความรุนแรงมากกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เนื่องด้วยโลกถูกรบกวนความสมดุลด้วยคำสวยหรูที่ว่า “โลกาภิวัตน์” อย่างรุนแรง การปรับตัวในลักษณะ “โลกาพิบัติ” จึงมีความรุนแรงในระดับเดียวกัน ซึ่งรูปแบบ ทิศทาง ระดับ และลักษณะการปรับตัว อาจนำมาสู่ความหายนะมากยิ่งขึ้น หากยังไม่หยุดยั้งกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นการรบกวนธรรมชาติ และอาจเป็นการปรับตัวครั้งสุดท้ายของโลกก่อนการสูญสิ้นชาติพันธุ์มนุษย์ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งกรรมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น มนุษย์ทุกผู้ทุกนาม จึงควรพร้อมอยู่ในธรรมเพื่อความไม่ประมาทในตนเองเถิด

Last updated: 2010-11-03 22:11:03