ในช่วงวิกฤตการณ์ต้องคิดถึงคนอื่นให้มาก ๆ
 
     
 
ควันหลงแต่งตั้งเจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส
เจ้ากรมเคยกล่าวให้นโยบายผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง 16 สำนักฯ ว่าจะพยายามกระจายตำแหน่งให้ได้รับการแต่งตั้งทุกสำนักฯ เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติงาน ซึ่งนับว่าเป็นกุศโลบายที่ไม่เลวทีเดียว
 

��������������� การเลื่อนขั้นเลื่อนระดับและตำแหน่งของข้าราชการ ไม่ว่ายุคใด สมัยใดย่อมไม่เป็นที่พอใจและถูกใจคนจำนวนมาก คนที่ได้ก็ว่าสมเหตุสมผลยุติธรรมดี คนที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งก็เสียใจ บางคนพาลไปว่าไม่ยุติธรรม แล้วความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน บางคนบอกก็ว่าความยุติธรรมไม่มีในโลกนี้�� กฎกติกาที่พยายามตั้งขึ้นมาเพื่ออ้างอิงนั้นมันเป็นข้ออ้างที่กลั่นกรองมาอย่างถูกต้องสมบูรณ์ แต่มันเป็นเพียงนามธรรม เวลาผู้มีอำนาจปฏิบัติกลับไม่นำมันมาใช้ กลับเอาคุณสมบัติ สายโลหิต ศิษย์ข้างเคียง ส่งเสบียงหลังบ้าน หน้าด้านสอพลอ หรือ อักษรลิขิต ด ว ง ซึ่งหมายความว่า มีคุณสมบัติเป็นเด็กของใคร ใครฝากมา วิ่งเต้นหรือเปล่า สุดท้ายมีเงินหรือส่งส่วยตรงเวลาหรือไม่ มาเป็นบรรทัดฐาน...

��������������� ได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันศุกร์ที่ 7 เมษายน 2560 ข่าวเลื่อน 32 ป่าไม้อาวุโส กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พยายามนั่งอ่านไล่ชื่อเจ้าหน้าที่ที่รู้จัก ไม่ปรากฏว่ามีคนใดได้รับการเลื่อนชั้น (ดูเฉพาะสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี)) เพราะก่อนที่มีการรับสมัคร ได้มีเจ้าหน้าที่หลายคน โทรศัพท์มาถามว่า ควรสมัครเข้าไปแข่งขันในครั้งนี้หรือไม่ข้าพเจ้าสอบถามกลับว่ามีสิทธิ์หรือไม่ ได้รับคำตอบว่ามี จึงถามกลับไปว่าทำไมจึงทิ้งสิทธิ์นี้ ได้รับคำตอบที่ไม่น่าจะได้ยินว่า “ข่าวเขาว่ามีตัวหมดแล้วทั้ง 32 คน” จึงได้ให้กำลังใจไปว่า ไม่จริงหรอกข่าวก็คือข่าว และ ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ด้วยแล้วรัฐบาลเอาจริงอย่าให้รู้ถึงลุงตู่ไม่ได้เด็ดขาดปรากฏการที่เกิดต้านการสมัครนี้เกิดหลายครั้งแล้ว ได้ปลอบใจไปหลายคนหลายยุค วิกฤติศรัทธาต่อองค์กร เริ่มเสื่อมถอยแล้ว เราจะหากำลังพลมาทำงานป้องกันรักษาป่าได้อย่างไร?...

��������������� ท่านผู้อ่านมาทั้งหมดนี้นึกค่อนขอดอยู่ในใจว่า เรื่องแค่เจ้าหน้าที่ที่รู้จักไม่ได้รับการเลือกตั้งก็นำมาเป็นสาระ แต่ในความเป็นจริงแล้วจากการรับฟังมาหลายด้าน เรื่องมันมีอยู่ว่าเจ้ากรมเคยกล่าวให้นโยบายผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง 16 สำนักฯ ว่าจะพยายามกระจายตำแหน่งให้ได้รับการแต่งตั้งทุกสำนักฯ เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติงาน ซึ่งนับว่าเป็นกุศโลบายที่ไม่เลวทีเดียว ที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เปรียบนโยบายที่จะไม่พยายามให้มี “เสือข้ามห้วย” ซึ่งเป็นตำราพิชัยยุทธ เสมือน ไม่ควรเปลี่ยนม้ากลางศึกนอกจากนั้นการพิจารณากรมน่าจะให้เป็นความลับ เปิดเผยทีเดียวเมื่อประกาศรายชื่อ แต่กลับมีบัญชีแนบท้ายรายชื่อของผู้ผ่านเกณฑ์ถึง 50 คน ปลิวว่อนทางไลน์ จึงทำให้ผู้มีรายชื่อพอได้รับทราบก็เข้าใจผิดคิดว่าตนเองมีหวังคล้ายที่โบราณว่าเป็นการ “เคาะกะลา” พอประกาศชื่อ 32 คน อีก 18 คน กลับสิ้นหวังโดยไม่ทราบสาเหตุ การทำงานเหมือนเด็กเล่นขายของ จะลับก็ไม่ลับ กลายเป็น “ลับกันให้แซ๊ด” ที่น่าเจ็บใจหากข่าวที่ว่าเจ้ากรมพูดว่าจะกระจายให้ทุกสำนักในความเป็นจริง มีสำนักฯที่ไม่ได้รับการคัดเลือกคนของสำนักขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ถึง 5 สำนักฯ มี สบอ.1(ว่าง 3 ตำแหน่ง) สบอ.8(ว่าง 1 ตำแหน่ง) สบอ.9 (มีอัตราว่างถึง 3 ตำแหน่ง) สบอ.10(ว่าง 1 ตำแหน่ง) และ สบอ.11(ว่าง 4 ตำแหน่ง) ถ้าหากผู้เขียนเป็นผู้อำนวยการสำนักฯเหล่านี้ คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไปไว้ที่ไหน และที่เจ็บหนักไปกว่านั้นคนที่มาเอาตำแหน่งแทนที่จะทำงานให้กับตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง กลับไปช่วยราชการที่เดิมหมายความว่า อย่างไร บางแห่งสิ้นปียังได้รับความดีความชอบเพิ่มอีก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พระเจ้าช่วยกล้วยทอดสองต่อเข้าฮ๊อด แค่เสือข้ามห้วยนี้นับว่าแย่แล้ว มาดูสำนักฯ ที่ได้เลื่อนมากที่สุดคือ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) ได้เลื่อนตำแหน่ง 7 คน สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่) ได้เลื่อน 6 คน ส่วนกลาง ได้เลื่อน 5 คน ขอให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาและใช้ดุลพินิจด้วยตนเอง...? ��

��������������� จากการตรวจดูบัญชีรายชื่อผู้ที่ได้ผ่านการคัดเลือก 50 คน ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) มีถึง 3 คน และมีอัตราว่าง 3 ตำแหน่ง ดูผ่านๆโดยไม่ใช้สมองน่าจะมีคนติดโผสัก 1 ตำแหน่ง อย่างน้อย แต่ผลปรากฏว่าไม่มีแม้แต่รายเดียว เป็นเสือจากสำนักอื่นกระโดดมา ว่ายน้ำบ้าง ข้ามห้วยมากินซากสัตว์ฝั่งตรงข้ามบ้าง พออิ่มแล้วบางตัวก็นั่งเครื่องกลับไปปฏิบัติงานยังสถานที่เดิม บรรดาเจ้าของเหยื่อ(ตำแหน่ง)ต่างก็นั่งมองด้วยสายตาละห้อย สอบถามกันภายในข่าวที่ไม่ได้กรองบางคนก็ว่า คนของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) สองคนติดแบล็คลิสท์ อยู่ระหว่างการถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งข้อความตรงนี้ไม่ใช่จะเป็นปัญหาที่แท้จริง เพราะเท่าที่ผู้เขียนเคยเห็นใบสมัครและเกณฑ์การให้คะแนน เมื่อคราวเปิดรับสมัคร 15 มีนาคม 2555 ใบสมัครจะมีข้อความในข้อ 9 ว่า “ประวัติการถูกลงโทษทางวินัย” (ถ้ามี)...เป็นการถามเมื่อถูกลงโทษแล้ว ไม่ใช่อยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ถ้าแม้เคยถูกลงโทษแต่ได้ชดใช้โทษจนเสร็จสิ้นแล้ว ก็ถือว่าเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ จึงไม่อาจตัดสิทธิ์โดยใช้สำนวนว่าเคยต้องโทษมาก่อนมิให้รอลงอาญา จึงดูเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้บริหารไม่กระจายขวัญกำลังใจให้แก่บรรดาสำนักฯทั้งหลายทั้งปวง ท่านจึงไม่ควรได้รับฉายาว่า...“ผู้ชนะสิบทิศ” ผู้อำนวยการสำนักฯทั้ง 5 สำนักก็ต้องทำใจที่ไม่สามารถสนับสนุนไพร่พลของตนขึ้นสู่ตำแหน่งได้...แต่ควันหลงเริ่มจางแล้ว เพราะคนไทยลืมง่ายอยู่แล้ว...

��������������� คราวนี้มาพูดถึงเรื่องภาพลักษณ์ของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ในเรื่องที่มีข้าราชการถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง 41 คน ล้มหายตายจากไปแล้ว 2 คน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 นับถึงเวลานี้ 1 ปี กับอีก 2 เดือน ในคำสั่งให้เวลา 120 วัน ต่อครั้งละ 30 วัน 2 ครั้ง เป็น 60 วันรวมระยะเวลาในการสอบไม่ควรเกิน 180 วัน หากเกินจากนี้ไป อ.ก.พ. กระทรวงต้องเร่งรัดนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไม่ทราบข่าวว่าก้าวหน้าไปถึงไหน คนผิดมากก็สบายใจ ดึงเกมส์ไปเรื่อย คนผิดน้อยก็ไม่สบายใจอยากจะทราบผลเร็วๆ ดีว่าจ่ายเงินเดือนให้ใช้ประจำ หากงดจ่ายคงเต้นเป็นเจ้าเข้า นับว่าทางราชการยังเห็นใจเพราะถือว่ายังเป็นผู้ที่บริสุทธิ์อยู่ ระหว่างแต่งตั้งกรรมการสอบสวนหากมีผู้ที่เกษียณ จะสอบผู้เกษียณได้ต้องอยู่ระยะเวลาหลังเกษียณ 180 วัน หากพ้นจากนี้แล้วตั้งกรรมการสอบวินัยไม่ได้ และผู้ที่เกษียณที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากรับบำนาญจะต้องหาหลักทรัพย์มาค้ำประกันเงินบำนาญ เพราะทางราชการเกรงว่า หากจ่ายเงินให้ก่อนเมื่อผลการสอบปรากฏว่าถูกลงโทษให้ ไล่ออก แสดงว่าไม่ได้รับบำนาญจะริบหลักทรัพย์ที่ค้ำประกัน เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นเช่นกันว่าใช้หลักทรัพย์เท่าใดเพราะมันขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการสอบสวนดังนั้น เพื่อให้เกิดความยุติธรรมทุกฝ่าย คณะกรรมการสอบสวนควรรีบดำเนินการเพื่อสิทธิของผู้อื่นด้วย และมีอีกข้อที่ข้าราชการจะต้องทราบ คือหากมีการทุจริตหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ทำละเมิดต่อรัฐ ต้องรีบดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เพื่อหาคนรับผิดชอบเงินของรัฐที่สูญเสียไป ซึ่งทุกคนอาจจะต้องรับผิดชอบไม่เท่ากันแล้วแต่ความผิดของผู้ใด ฉะนั้น เงินค่าจัดซื้อกล้าไม้ จำนวน 11 ล้าน ที่จ่ายไปใครจะต้องรับผิดชอบเท่าใด จะทราบจากการสอบสวนของคณะกรรมการโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง...

��������������� และมีเรื่องเตือนใจสำหรับผู้ที่เป็นผู้บังคับบัญชาทั้งหลายเพราะท่านจะต้องรับรู้และรับผิดหรือไม่ กระทรวงการคลังได้มีหนังสือที่ กค 05307/ว92ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2544 ในข้อ 6 ระบุว่า “ในการสอบสวนข้อเท็จจริงความผิดทางละเมิด โดยเฉพาะกรณีทุจริตหรือเงินขาดบัญชี นอกจากจะพิจารณาให้ผู้กระทำการทุจริตหรือผู้ที่ทำให้เงินขาดบัญชีรับผิดชดใช้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว ขอให้พิจารณาด้วยว่า มีผู้เกี่ยวข้องหรือผู้บังคับบัญชาคนใดกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ซึ่งจะต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ตามพระราชบัญญัติ ความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ด้วยหรือไม่”... จึงแสดงให้เห็นว่า... “ของหลวงตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม้ไหม้จริงๆๆ


Last updated: 2017-04-22 09:59:11


@ ควันหลงแต่งตั้งเจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ ควันหลงแต่งตั้งเจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
8,034

Your IP-Address: 3.19.188.198/ Users: 
1,271