ทำงานใหญ่ต้องรู้จักไว้ใจคนเราเปลี่ยนเมื่อวานไม่ได้ แต่เราทำให้พรุ่งนี้ดีขึ้นได้
 
     
 
อาถรรพ์ไม้พายุ่ง(พะยูง)...ตายยกรัง
หดหู่ใจที่พวกเราชาวป่าไม้ มีความฉลาดที่ไม่เฉลียว แทนที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในทางบวกกลับเป็นว่าพลิกโอกาสไปในทางลบ
 

������������������������ ได้อ่านข่าวมติชนออนไลน์เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2559 พาดหัวว่า ทส. สอบวินัยร้ายแรง 41 ขรก.อุทยานแห่งชาติทุจริตกล้าไม้พะยูง ผอ.สำนักฯ หัวหน้าหน่วยภาคสนาม...ในรายละเอียดใจความว่า...นายสมชัยมาเสถียร���รองอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ในฐานะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการ กรณีการทุจริตกล้าไม้พะยูง เปิดเผยว่า นายเกษมสันต์จิณณวาโส ปลัด ทส.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งตนเป็นประธานกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการจำนวน 41 ราย กรณีทุจริตกล้าไม้พะยูงคืนถิ่น ในพื้นที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มี นายเก่งกาจ ศรีหาสาร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุบลราชธานี (ทสจ.) เป็นประธาน ได้สอบสวนและสรุปผลการสอบสวนการทุจริตมีมูล โดยการทุจริตดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2555 ในพื้นที่ สบอ.ที่ 9 (อุบลราชธานี) ได้จัดโครงการให้ไม้พะยูงคืนถิ่นขึ้น เนื่องในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีการลักลอบตัดไม้พะยูงจำนวนมาก �����ใช้งบประมาณ 11 ล้านบาท เพาะชำกล้าไม้พะยูง จำนวน 4 ล้านกล้า โดยให้บริษัทเอกชนดำเนินการเพาะชำกล้าไม้...?

������������������������ รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้กล่าวต่อไปว่า แต่ปรากฏว่าการเพาะชำกล้าไม้พะยูงเมื่อมีการตรวจสอบพบว่า ไม่มีการเพาะชำกล้าไม้พะยูงจริง แต่ สบอ.ที่ 9 (อุบลราชธานี) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการกลับแอบไปใช้หน่วยงานในสังกัดของตนเพาะชำกล้าไม้พะยูงเองแล้วตั้งเบิกงบประมาณ พร้อมกับตั้งหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามตรวจสอบการจ้าง เหมือนกับการออกข้อสอบเอง ตรวจข้อสอบเอง การทุจริตจึงเกิดขึ้นพัวพันกันไปหมดตั้งแต่ ผอ.สบอ.9 (อุบลราชธานี) เข้าไปเกี่ยวข้องหมดจำนวน 41 คน ถือเป็นการทุจริตครั้งใหญ่ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ส่งเอกสารให้ตนถึง ����3 ลังใหญ่ ซึ่งขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แจ้งข้อกล่าวหาถึงข้าราชการทั้ง 41 ราย จากนั้นตนจะดำเนินการสอบสวนวินัยร้ายแรงใช้เวลาไม่เกิน 120 วัน โทษมีตั้งแต่ไล่ออก ปลดออกถึงตัดเงินเดือนและเรียกเงินคืน เนื่องจากงบประมาณที่ใช้จำนวน 11 ล้านบาท มาจากงบประมาณแผ่นดินและเงินรายได้กรมอุทยานแห่งชาติฯ...

������������������������ นายเกษมสันต์จิณณวาโสกล่าวว่าการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงเป็นไปตามระเบียบราชการ เมื่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปผลการสอบสวน ออกมาว่าการทุจริตมีมูลต้องตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ��ตนคงจะให้ความเห็นอะไรไม่ได้เพราะเป็นเรื่องวินัยร้ายแรง...??

������������������������ ได้อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกหดหู่ใจที่พวกเราชาวป่าไม้ มีความฉลาดที่ไม่เฉลียวแทนที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในทางบวกกลับเป็นว่าพลิกโอกาสไปในทางลบ เมื่อไม้พะยูงถูกลักลอบตัดฟันเป็นจำนวนมากคิดโครงการฟื้นฟูป่าให้ชื่อสวยหรูว่า “ไม้พะยูงคืนถิ่น” อุตสาห์ของบและกรมอนุมัติให้ตั้ง 11 ล้านบาท ให้จ้างเอกชนผลิตกล้าไม้พะยูง 4 ล้านกล้า เพื่อจะได้ปลูกทดแทน ซึ่งฟังดูแล้วน่าจะเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่ผู้ใหญ่ในกรมหรือในกระทรวงยังเห็นความสำคัญของไม้พะยูงพยายามทุกวิถีทางที่จะทดแทนและส่งเสริมแต่การหากล้าไม้มาเพื่อที่จะแจกจ่ายไปปลูกนั้นมันผิดปรกติวิสัย เริ่มแรกการจัดหากล้าไม้พะยูงที่สามารถจะปลูกแล้วรอดตายได้ต้องมีขนาดของความสูง 20 เซนติเมตรขึ้นไป ได้ 30 เซนติเมตร ยิ่งดี และจำนวนไม้ 4 ล้านกล้าจะต้องใช้เนื้อที่ในการวางถุงซึ่งขนาดเรือนเพาะชำมาตรฐานเนื้อที่ 1 ไร่ บรรจุกล้าไม้ได้ 256,000 กล้า หากจำนวน 4 ล้านกล้า ต้องใช้เนื้อที่ 15.6 ไร่ ฉะนั้นเอกชนคนใดที่เพาะชำกล้าไม้ขายจะต้องใช้เนื้อที่ไม่น้อยกว่า 20 ไร่ ในเรื่องข้อเท็จจริงเหล่านี้เราอนุมานได้ว่าคงไม่มีเอกชนคนใดมาทำอาชีพนี้และหากทำไม่รู้จะจำหน่ายให้ใคร หากผู้ขายอยู่ต่างพื้นที่ยิ่งเป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากการขนส่งกล้าไม้มีปัญหานานับประการ ไหนจะค่าขนส่งสูง กล้าไม้เหี่ยวเฉา ไม่มีสถานที่เก็บรักษา สามัญวินิจฉัยพื้นๆแค่นี้ คนของบมาจัดจ้างน่าจะทราบดีแต่เอาละหากตนเองคิดว่าหาคนมาจำหน่ายให้ได้ก็ไม่ว่ากัน แต่สำหรับคนที่อนุมัติเงินโครงการไม่น่าจะเห็นชอบด้วย แต่เมื่ออนุมัติเงินมาให้จัดจ้างโดยไม่เฉลียวใจเลยว่าหาคนรับจ้างทำของได้ที่ไหน ไม่มีการทวงถามหรือทักท้วงแต่ประการใดจะไม่เป็นการประมาทเลินเล่อเกินไปหรือ หากมีคนคิดในแง่ลบเขาอาจคิดว่าเบื้องบนมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการอนุมัติงบประมาณแม้แต่การกล่าวหาว่าแจกจ่ายให้หน่วยงานภาคสนามไปเพาะ มันก็มีข้อจำกัดไม่ทราบว่าการเพาะชำถูกต้องตามฤดูกาลหรือไม่ ขอให้กลับไปอ่านบทความเรื่อง“รอดมาได้...เพราะไม่โลภ” ของ ทศ สถาปัตย์ ดูกรมส่งงบมาให้ปลายปีมีเวลา 2 เดือนเพื่อเพาะชำกล้าไม้และแจกจ่ายให้หมด หัวหน้าฝ่ายเพาะชำยังต้องรีบส่งคืนเงินเพราะผิดฤดูกาล จึงรอดมาได้ดังนั้น หน่วยงานภาคสนามที่รับโค้วต้าไปเพาะชำจึงอาจทำได้สองกรณี คือเพาะชำกล้าไม้จริงแต่ไม่ได้ขนาดจำกัด สองเพาะชำไม่ได้เลย เพราะผิดฤดูกาล เวลามีการตรวจการจ้างก็ลงนามรับรองเท็จไป หากเป็นไปในทางที่ไม่สามารถจัดมาได้จึงเป็นเหตุให้ราชการเสียหายอย่างร้ายแรง ผู้กระทำจึงต้องผิดวินัยอย่างร้ายแรง หากข้อเท็จจริงพิสูจน์ว่าทุจริต โทษไม่เพียงแค่ไล่ออกเท่านั้นยังต้องคดีอาญามีโทษถึงจำคุก...พึงสังวร...??

������������������������ มาดูการจัดซื้อจัดจ้างบ้าง เขาดำเนินการอย่างไร...ตามที่ได้ติดตามข่าวว่าเป็นการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ เป็นขบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่มีข้อจำกัดและหากหลีกเลี่ยงได้จะเป็นการดี แต่เป็นที่ชื่นชอบของบางคน วิธีพิเศษ คือการซื้อหรือการจ้างซึ่งมีราคาเกิน 100,000 บาท ซึ่งส่วนมากการซื้อการจ้างเป็นงานเร่งด่วนหากล่าช้าอาจเสียหายแก่ราชการหรือการซื้อการจ้างโดยวิธีการอื่นไม่ได้ผลดีขั้นตอนก็มีการกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะและกำหนดราคากลางจัดทำรายงานขอซื้อขอจ้างต่อหัวหน้าส่วนราชการ พร้อมแต่งตั้งคระกรรมการตรวจรับของหรือตรวจการจ้างผู้มีอำนาจอนุมัติ ต่อไปทำหนังสือเชิญชวนผู้มีอาชีพขายหรือจ้างให้มาเสนอราคา คณะกรรมการพิจารณาผลผู้เสนอราคาที่มีคุณสมบัติเป็นประโยชน์ต่อทางราชการและนำเสนอหัวหน้าส่วนราชการสั่งซื้อสั่งจ้างเสร็จแล้วเรียกตัวมาทำสัญญา หากวงเงินเกิน 1 ล้านบาท ให้ส่งสำเนาสัญญาให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน( สตง.)และสรรพากรพื้นที่และคณะกรรมการตรวจการจ้าง หากไม่มาทำสัญญาถือว่าทิ้งงานที่นำแนวทางมาเสนอเพื่อท่านผู้อ่านจะได้มองภาพชัดเจนขึ้น...

������������������������ เมื่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตรวจสอบพบว่ามีการกระทำที่ไม่ชอบมีมูลความผิดไปในทางทุจริต ความผิดดังกล่าวจึงเข้ามาตรา 85(1) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต...นิยามคำว่า “โดยทุจริต” หมายถึง การแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้เพื่อตนเองหรือผู้อื่นการสอบวินัยร้ายแรงครั้งนี้ ท่านสมชัยมาเสถียรท่านบอกว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 120 วัน นับว่าเร็วมาก ที่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงเร็ว เพราะผู้เขียนเคยเป็นกรรมการเลขานุการสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการ 14 คน โครงการส่งเสริมเกษตรกรปลูกป่า ใช้เวลา 1 ปีกับอีก 3 เดือน นำเอกสารส่งกรม 40 แฟ้มใหญ่ เอกสารรวมกันประมาณ 10,000 กว่าหน้า การสอบสวนวินัยหากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงสอบมาดีรัดกุมติดตามเอกสาร เก็บข้อเท็จจริงมาไว้หมดแล้วการสอบสวนวินัยจะเร็วมาก หากกรรมการสอบข้อเท็จจริงทำมาหละหลวมต้องมาแสวงหาหลักฐานในขั้นสอบวินัยซึ่งเหตุการณ์ผ่านมานาน อาจทำให้หลักฐานต่างๆที่ได้มาใหม่ไม่สมบูรณ์ กรณีนี้สอบข้อเท็จจริงเมื่อปี 2555 มาสอบวินัยปี 2559 หากแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมคงจะหาไม่ง่ายนัก แต่ทีมงานระดับรองอธิบดี คงมีแต่มือชั้นครูทั้งนั้นคงไม่ยากนัก ขอให้รีบปิดคดีให้ได้โดยเร็วเพื่อจะได้เป็นตัวอย่างให้บรรดาที่คิดจะทำหรือกำลังทำอยู่จะได้เกรงกลัวต่ออาญาแผ่นดิน และขจัดคนไม่ดีออกจากสังคม คิดว่าไม่น่าจะเป็นมวยล้มต้มคนดูตามที่ได้ยินได้ฟังมาจากบางคนที่ปรามาส...�������������������

������������������������ เอาใจช่วย ท่านรองฯ คาดว่าเดือนกรกฎาคม นี้คงรู้ผล สำหรับผู้ถูกสอบสวนคงซึ้งใจดีซิว่า เล่นกับไม้อะไร�� ไม่เล่น มาเล่นกับไม้พายุ่ง...???


Last updated: 2016-03-23 21:12:10


@ อาถรรพ์ไม้พายุ่ง(พะยูง)...ตายยกรัง
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ อาถรรพ์ไม้พายุ่ง(พะยูง)...ตายยกรัง
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,477

Your IP-Address: 3.142.240.149/ Users: 
1,476