วันรุ่งขึ้นทุกคนในหน่วยก็ทยอยกันไปพิมพ์ลายนิ้วมือ เมื่อเสร็จแล้วแต่ละคนต่างปิดปากเงียบ ข้าพเจ้ารู้โดยสัญชาตญาณที่ผ่านเรื่องเหล่านี้มาพอสมควร จึงเรียกประชุมชี้แจงให้ทุกคนทราบว่า ขอให้ทุกคนทำตัวเหมือนเดิม และสามัคคีกัน ต่อไปนี้เรามีหน้าที่ต้องตามจับพวกลักลอบตัดไม้ และสืบหาข่าวว่ามือดีที่ไหนมาฉกเอาเลื่อยของเราไป การแจ้งความของผมต้องการแสดงให้ทุกหน่วยงานในท้องที่นี้รู้ว่าเราทำงานตรงไปตรงมา เมื่อผิดพลาดก็ยอมรับไม่โวยวาย และขอให้พวกเราช่วยกันระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม... หลังจากวันนั้นหน่วยของเราออกล่าพวกลักลอบตัดไม้ โดยใช้เลื่อยโซ่ยนต์หนักยิ่งขึ้น เล่นเอาแทบจะไม่มีที่เก็บของกลาง..
จากนั้นสองสัปดาห์คณะกรรมการจากป่าไม้เขตมาสอบข้อเท็จจริง โดยไม่ได้สอบปากคำอะไรเพราะทุกคนเข้าใจดี ได้ให้ข้าพเจ้าเป็นคนรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดเพียงคนเดียว ซึ่งข้าพเจ้าได้เขียนรายงานข้อเท็จจริงพร้อมเอกสารหลักฐานการแจ้งความพร้อมรูปถ่ายและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ในสาระสำคัญระบุว่า... วันเกิดเหตุนายณรงค์ นักการภารโรงเป็นผู้อยู่เวร โดยมีข้าพเจ้าเป็นผู้ตรวจเวร ซึ่งหน่วยมีอัตรากำลังน้อยข้าพเจ้าจึงรับภาระเป็นผู้ตรวจเวรทุกวันทั้งเดือน ในวันเกิดเหตุไม่ได้มาตรวจเวร เนื่องจากเหนื่อยจากการทำงานจึงกลับบ้าน และไม่ได้ฝากเวรให้กับใคร เมื่อคณะกรรมการกลับนำรายงานไปเสนอป่าไม้เขต ทราบว่าท่านเขตตำหนิประธานสอบว่า...
มันสอบอย่างนี้ ไอ้ทศมันก็ตายซิ
ซึ่งเมื่อข้าพเจ้าทราบ ต้องไปเรียนท่านเขตว่าตำหนิประธานไม่ถูกเพราะผมรับสารภาพเองไม่ต้องการให้ใครลำบากใจ...
หลังจากที่ได้ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน แล้วว่าไม่ได้สงสัยใคร ก็หาโอกาสเดินทางเข้ากรมไปหาเพื่อนที่อยู่กองนิติการ เล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง กำชับว่าถ้าเรื่องผ่านมาช่วยดูให้ด้วย แล้วกลับมาทำงานต่อ จากการสังเกต ข้าพเจ้าพบว่า ในหน่วยถึงแม้ว่าทุกคนจะกลับมาทำงานกันเกือบปกติ แต่ก็ไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกบอกว่ามีหลายคนทำตัวไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเก่า แต่ไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้าติดใจแต่อย่างใด พยายามที่จะรวบรวมจิตใจทุกคนให้เป็นหนึ่งเหมือนเดิม เหตุการณ์ล่วงเลยไปได้เกือบ2 เดือน กรมมีหนังสือแจ้งมาว่าให้ ผู้ตรวจเวรและผู้อยู่เวรต้องชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าในท้องตลาด ซึ่งประเวศรับหนังสือรีบถือมาถามว่า...
เลื่อยโซ่ยนต์มันเป็นสินค้าต้องห้าม ไม่มีขายในท้องตลาดแล้วเราจะรู้ราคามันได้อย่างไร พี่ทศจะเอายังไง?
เมื่อประเวศ ทักมาเช่นนี้ข้าพเจ้าก็นั่งนิ่งสักครู่ แล้วบอกว่า...
ประเวศคุณเก็บคำพิพากษาที่ตำรวจจับเลื่อยโซ่ยนต์ ส่งให้ศุลกากรตีราคา แล้วศาลปรับ 4 เท่าไว้หรือเปล่า เอามาเป็นตัวอย่างสัก2คดี
ประเวศรีบไปที่บ้านสักครู่ถือเอกสารลงมา แล้วบอกว่า...
พี่ ศุลกากรเขาตีราคาเครื่องละ 3,500 บาท เท่านั้น ทั้งๆ ที่มันซื้อขายกันแบบเถื่อนตัวละตั้ง 25,000นะพี่
ข้าพเจ้าได้เอกสารแล้วนำมาร่างหนังสือแจ้งการสืบราคาให้เขตทราบ เขตรายงานกรมไปตามที่เสนอ กรมตอบกลับมาว่า ให้เสียค่าเลื่อย 2 ตัวๆ ละ 3,500 บาทตามที่เสนอเป็นเงิน 7,000 บาท เมื่อข้าพเจ้าทราบเรื่องไปที่การเงินแล้วขอชำระเพียงคนเดียวทั้ง 7,000 บาท กลับมาบอกตารงค์ ว่าสบายใจแล้ว สำหรับเรื่องวินัยนั้นกรมไม่เอาเรื่อง เนื่องจากไม้เข้าข่ายความผิดข้อใด จะว่าประมาทเลินเล่อก็ไม่ใช่ เนื่องจากมีการใส่กุญแจห้องป้องกันไว้และมีคำสั่งเวรยาม ซึ่งคนเป็นหัวหน้ารับภาระในการตรวจเวรทั้งเดือนเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากอัตรากำลังก็เป็นที่รู้กัน แต่เลื่อยโซ่ยนต์หายถือว่าของหลวงตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ยังไงก็ต้องชดเชย โทษเท่านี้ก็เป็นพระคุณแก่ข้าพเจ้าอย่างสูงแล้ว แต่มานึกเล่นๆ เลื่อยก็เราเป็นคนจับมา มันหายเราต้องจ่ายเงินอีก มิน่าไม่ค่อยมีใครอยากจับ...!?
ฟ้าหลังฝนเป็นเช่นไร ชีวิตข้าพเจ้าก็เป็นเช่นนั้น ทางราชการได้ยุติการทดลองโครงสร้างในระบบกระจายอำนาจ เป็นสำนักงานพัฒนาป่าไม้ ข้าพเจ้าถูกย้ายกลับไปประจำที่ป่าไม้เขตที่ฝ่ายปลูกสร้างสวนป่า วันนั้นเป็นวันอะไรวันที่เท่าใดจำไม่ได้ ภายในฝ่ายเป็นเวลาสี่โมงเย็น ทุกคนรอบข้างต่างลุกเตรียมตัวกลับบ้าน ส่วนข้าพเจ้ากำลังถอดเทปการประชุมโครงการเกษตรกรปลูกป่า เกือบเสร็จแล้ว พอถอดคำสุดท้ายเสร็จ เงยหน้าขึ้นดูรอบข้างเพื่อนร่วมงานกลับบ้านหมดแล้ว มองไปที่ผนังนาฬิกาบอกเวลา16.30 น. พอดีงานของข้าพเจ้ายังไม่เรียบร้อยดี จึงนั่งพักถือว่าเป็นการขอเวลานอก แล้วทำต่ออีกไม่ถึง 5 นาที ก็เสร็จเก็บสัมภาระเข้ากระเป๋า เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่ม ชื่นใจดี แล้วนั่งหลับพักสายตา เอนเบาะนั่งให้อยู่ในท่าพักผ่อน และแล้วภวังค์ก็นำไปสู่อดีต...
ข้าพเจ้านึกไปถึงวันที่พนักงานสอบสวนเรียกตัวไปสอบครั้งที่สอง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะเดินเข้าไปในห้องสอบสวน พลันได้ยินเสียงบุรุษคุยกันสองคน คำที่ได้ยินเป็นคำสุดท้ายว่า...
ถ้าพี่ทศยอมเปิดปากนิดเดียวปิดคดีนี้ได้อย่างสบายๆ
ข้าพเจ้าจำได้ว่าเป็นเสียงของรองสารวัตรสอบสวน รองสุขสันต์ที่คุยกับเพื่อนรองธงไทย ทั้งคู่เพิ่งจบจากโรงเรียนนายร้อยมาใหม่ทั้งคู่ และให้ความสนิทสนมกับข้าพเจ้าเป็นอย่างดี สำนวนหรือประโยคนี้มันยังคาใจข้าพเจ้าตลอดมา การสอบสวนที่ผ่านมาที่พนักงานสอบสวนจับพวกเราไปพิมพ์ลายนิ้วมือทุกคนนั้น ผลการพิมพ์นิ้วมือเพื่อเปรียบเทียบจะหาได้จากไหนหากคนร้ายรายนี้ไม่มีลายพิมพ์นิ้วมืออยู่ในสารบบคดี จะสอบพวกเราเพิ่มเติมก็จากคนที่จับต้องเลื่อยตัวนี้ ข้าพเจ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า กรณีนี้หาลายนิ้วมือแฝงคงไม่ได้ผลอะไรมากนัก เป็นเทคนิคของพนักงานสอบสวนในชั้นต้นที่ทำคดี หากพบว่ามีของหายในสำนักงานใด มักจะเรียกไปพิมพ์ลายนิ้วมือ เป็นหลักจิตวิทยา หากคนร้ายในสำนักงานจิตใจอ่อนแอก็จะยอมสารภาพก่อนที่ผลจะออกมา แต่ในกรณีนี้ คนร้ายเป็นคนนอกที่เข้าไปเอาเลื่อย หากจะมีคนในก็เพียงเป็นสายข่าวเท่านั้น แต่คำพูดที่รองสุขสันต์พูดยังก้องอยู่ในโสตประสาท มันทำให้ข้าพเจ้าเริ่มทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมาอีกครั้ง...
เริ่มจากเลื่อยที่หายตัวที่ 1ข้าพเจ้าจำได้แม่นทีเดียวว่าตำแหน่งที่วางเลื่อยไว้ในห้อง คนที่นำไปวางเป็นเจ้าแต้ม คนงานพิทักษ์ป่า เลื่อยตัวนี้มีสีไปในทางฟ้าอ่อน เป็นเลื่อยที่จับมาได้จากป่าสงวนแถวบ้านพระแก้ว ตอนนั้นมีคนมาแจ้งว่ามีการระดมตัดไม้หัวไร่ปลายนาท้องที่บ้านพระแก้ว โดยเกษตรอำเภอให้ตัดไม้ใหญ่ออก เพื่อจะได้ปลูกไม้ยางพาราแทน เป็นโครงการของกรมส่งเสริมการเกษตร ข้าพเจ้าและทีมงานทั้งหมดรีบเข้าพื้นที่ กระจายกำลังกันออกโดยเดินตามเสียงเลื่อยยนต์ เราจับได้ 3 ราย ในรายอื่นนั้นข้าพเจ้าไม่ได้ตามไป เพราะต้องแยกตามสียงเลื่อยไปทางทิศตะวันตก ได้ยินเสียงไม้ล้มแล้ว เดินไปคนเดียวมองไม่เห็นลูกน้อง เพราะทุกคนเคลื่อนตัวเข้าที่เกิดเหตุก่อนแล้ว ข้าพเจ้าเดินไปพื้นที่ระหว่างทางจะเป็นป่าโปร่งเพราะถูกบุกรุกทำกิน เป็นที่นา และที่ไร่ พอเดินพ้นต้นไม้ใหญ่มาได้ราว 5 เมตร ภาพที่มองเห็นข้างหน้าห่างประมาณ 20 เมตร ชายคนหนึ่งอยู่ที่บริเวณเรือนยอดไม้กราด ซึ่งล้มลงเนื่องจากถูกตัด ลักษณะเหมือนกับกำลังยกของหนักซุกเข้าไปในกลุ่มใบไม้ที่ยอด แล้วเดินออกมา พอดีหันมามองทางข้าพเจ้า ไม่ใช่ใครเจ้าแต้มรีบเดินตรงมาที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ รายงานว่า...
หัวหน้ามาพอดี ผมมาทางนี้คนเดียว ตามจับไอ้คนเลื่อยไม่ทัน
ผมจึงถามกลับไปว่า ได้ของกลางอะไรบ้าง เจ้าแต้มตอบแบบว่ากำลังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่...
ไม้มันล้มเพราะเลื่อยยนต์ คนตัดหนีไป แต่ไม่ได้แบกเลื่อยไปด้วย ผมกำลังหาอยู่ว่ามันซ่อนไว้ที่ไหน?
ว่าแล้วเจ้าแต้มก็เดินแหวกดูตามสุมทุมพุ่มไม้ ข้าพเจ้าก็ช่วยหาอีกแรง ไปพบว่ามาถูกซ่อนอยู่ที่ยอดไม้โดยมีใบไม้ของต้นกราด ซึ่งใหญ่มากปิดบังไว้ หากไม่สังเกตดีๆ คงจะเห็นได้ยาก แต่ที่มันปิดไม่มิดคงรีบเร่งเพราะใบเลื่อยหรือบาร์โผล่ออกมาประมาณ 2นิ้ว เจ้าแต้มรีบมายกแล้วเราทั้งสองก็กลับไปที่รถ ข้าพเจ้าพินิจพิจารณาดูว่าเลื่อยโซ่ยนต์ตัวนี้แปลกกว่าตัวอื่น พ่นสีฟ้าทับอำพรางอะไรบางอย่าง แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงก็เป็นของกลางแล้ว วันนี้เราจับเลื่อยโซ่ยนต์ได้ 2 ตัว ไม่ได้ตัวผู้ต้องหา เพราะรู้ตัวก่อน พอมาถึงที่รถ พบกับเกษตรอำเภอถือเอกสารรายชื่อของเจ้าของที่ดินมาให้ขอความร่วมมือกับข้าพเจ้าอย่างไม่เป็นทางการว่า ให้อำนวยความสะดวกให้ราษฎรด้วย เพราะมีโครงการใหม่ของรัฐบาล คือ ปลูกยางพารา ข้าพเจ้าจึงแจ้งให้ทราบว่า ควรจะไปส่งเสริมในที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง เพราะป่าแถวนี้ยังเป็นป่าสงวนแห่งชาติอยู่ แม้โดยสภาพอาจเตียนโล่งเนื่องจากถูกบุกรุก เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอบอกว่าพอจะทราบแต่ขอให้เราอลุ่มอล่วยบ้าง พร้อมมอบเอกสารแปลงที่ดินที่มีรายชื่อตามแผนผังที่ได้สำรวจให้ข้าพเจ้า 1ชุด จึงรับมันไว้พอเป็นพิธี พวกเราทั้งหมดกลับหน่วย ข้าพเจ้าให้เจ้าแต้มเอาเลื่อยขึ้นไปเก็บในห้อง โดยได้ขึ้นไปเปิดประตูและดูตำแหน่งที่วางเลื่อย 2 เครื่องนี้ ซึ่งยังไม่ได้ล่ามโซ่เพราะโซ่หมดพอดี ยังไม่ได้ซื้อเพิ่มเติม...
มีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่พิลึก คือว่า...มีอยู่วันหนึ่ง พวกเราจะออกป่าเพื่อตรวจตราเป็นประจำ ข้าพเจ้าแต่งตัวเดินลงมาจากด้านบน ความรีบร้อนทำให้ลืมผูกเชือกรองเท้าลงมาถึงบันไดขั้นที่ 2 คิดว่าจัดการให้มันเรียบร้อยดีกว่า จึงนั่งตรงกลางบันไดขั้นที่ 2 ผูกเชือกรองเท้าพอด้านขวาเสร็จ ก็ย้ายมาด้านซ้าย พลันสายตาเหลือบไปเห็นรอยคราบไฟไหม้สีน้ำตาลเล็กๆ อยู่ริมบันไดขั้นที่สองด้านซ้ายมือ จำได้ว่าเป็นตำแหน่งที่เคยหยิบก้นบุหรี่ที่เหลือเพียงไส้กรองและกระดาษตัวมวนบุหรี่ พอจะบอกยี่ห้อได้ว่าเป็นบุหรี่ สายฝนติดแอร์ ตำแหน่งที่นั่ง หากหยิบบุหรี่ด้วยมือซ้ายจากรอยไหม้ที่วางขึ้นมาสูบมันได้ระยะพอดี และแล้วภาพของเจ้าฉลาดที่มันคีบบุหรี่มือซ้ายเดินเชิดหน้าเยาะเย้ยพรรคพวก เมื่อตอนไปขนไม้พะยอมผุดขึ้นมา...ทำให้ข้าพเจ้าขนลุกซู่ขึ้นมาทันที และแล้วสมองที่มีรอยหยักน้อยก็เริ่มประมวลภาพเหตุการณ์ประติดประต่อเพื่อหาคำตอบที่รองสุขสันต์ว่า...
ถ้าพี่ทศเปิดปากนิดเดียวปิดคดีได้
ถ้าหากจะสมมุติฐานขึ้นมาว่า เจ้าของที่ดินที่ต้นกราดถูกตัดซึ่งมีรายชื่อในบัญชีที่เกษตรอำเภอให้ ได้จ้างมือเลื่อยมาตัด และกับพอดีที่เราเข้าไปจับกุม บังเอิญข้าพเจ้าเห็นเจ้าแต้มกำลังซุกเลื่อยอยู่ แต่ทำทีว่ากำลังหาเลื่อย เมื่อข้าพเจ้าไปพบและได้ให้ยึดเลื่อยนั้นมา แล้วนำเลื่อยไปเก็บที่ห้องเก็บ โดยฝีมือเจ้าแต้ม ต่อมาเลื่อยโซ่ยนต์ตัวนี้ก็หายไปพร้อมกับเลื่อยอีกตัวที่ประเวศจับมา...
พอมาถึงตรงนี้ ข้าพเจ้าลองวินิจฉัยตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วใครเป็นคนมาขโมยเลื่อย จะเป็นคนในหน่วย ไม่น่าจะใช่เพราะคงไม่กล้า และแล้วความคิดในข้อกฎหมายมันผุดขึ้นมาว่า ถ้าคนของเราเป็นผู้สนับสนุนหละเป็นไปได้หรือไม่...
ทันใดนั้นเอง ภาพที่ตนเองนั่งผูกรองเท้าและตำแหน่งมือซ้ายไปลูบรอยไหม้ผิวไม้ของบันได มันเป็นตำแหน่งที่พอดี แสดงว่ามีคนมานั่งสูบบุหรี่ที่บันไดขั้นที่สองแน่นอน และยังสูบไม่หมดมวนคงมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงวางบุหรี่ไว้เพื่อที่จะสูบต่อ ตำแหน่งที่คนนั่งสูบบุหรี่มองเห็นโต๊ะที่ตารงค์นอนได้ชัดเจนมาก...
อย่างนั้นก็ ซ.ต.พ. ได้แล้วซิว่า มีคนในหน่วย 2 คน ให้การสนับสนุนในการโจรกรรมครั้งนี้ ระบุก็ได้ว่าเจ้าเกลือเป็นหนอน 2ตัว เจ้าฉลาด และเจ้าแต้ม สำหรับเจ้าแต้มนั้นโยงไปได้เลยว่า ต้องเป็นคนที่คุ้นเคยกับมือเลื่อย ข้อแรกข้าพเจ้าเห็นด้วยตาว่าท่าทางตอนที่เดินหาเลื่อยนั้นเป็นการเอาเลื่อยไปซ่อนไว้ให้พรรคพวก เพราะตัวเองมาพบคนแรกและคนเดียว ไม่นึกว่าข้าพเจ้าจะตามมา ข้อที่ 2ประวัติเดิมเคยคุมเลื่อยโซ่ยนต์ในแถบนี้ย่อมรู้จักมือเลื่อยแทบทุกคน การกระทำครั้งนี้ ข้าพเจ้ามองในแง่บวกว่าคงขัดเพื่อนเก่าไม่ได้ และคาดว่าในวันเกิดเหตุคงไม่เข้ามาในบริเวณหน่วย เพราะตนเองมีบ้านอยู่ในตัวอำเภอ จึงได้ติดต่อให้เจ้าฉลาด เป็นคนนั่งดูต้นทางแทน เพราะยังไงเจ้าฉลาดก็นอนในหน่วยอยู่แล้ว มือเลื่อยคงเข้ามาเอาเอง โดยมีเจ้าฉลาดนั่งสูบบุหรี่รออยู่ด้านล่าง คอยดูว่าตารงค์จะตื่นขึ้นมาหรือไม่ เป้าหมายของมือเลื่อยตั้งใจจะมาเอาเลื่อยของตัว แต่ที่พยายามจะหอบไป3ตัว หวังเป็นของแถม 1ตัว แต่เอาไปไม่ได้ เพราะหนักจึงวางไว้ตรงทางออก การโจรกรรมครั้งนี้เอาไปเพียงตัวเครื่อง บาร์และโซ่ที่เป็นอุปกรณ์ ไม่ได้เอาไป หากเอาถุงปุ๋ยมาใส่ 2 ถุงสะพายไปได้อย่างสบาย โดยสะพายตัว หิ้วตัว...
เรื่องราวที่ข้าพเจ้าลองตั้งสมมุติฐานครั้งนี้ไม่น่าจะคลาดเคลื่อน หากข้าพเจ้าคิดได้ในตอนนั้น แจ้งให้พนักงานสอบสวนไปสอบเจ้าของที่ดินที่ไม้กราดถูกตัด ถามคาดคั่นว่าจ้างใครมาเลื่อย เท่านี้ก็สาวตัวการผู้สนับสนุนออกมาได้จนหมด งานนี้ช้าไปหลายก้าวทีเดียว มิน่าพนักงานสอบสวนจึงได้พูดเช่นนั้น คงคิดว่าข้าพเจ้าไม่อยากจะฆ่าลูกน้อง เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นหากข้าพเจ้าจะผิดก็น่าจะเป็นข้อหาที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือบกพร่องโดยสุจริตสำหรับคนกระทำกรรมจะเป็นตุลาการที่ตัดสินได้เที่ยงตรงที่สุด
Last updated: 2015-03-08 10:11:03