รักตนเอง รักครอบครัว รักองค์กร
 
     
 
เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงตรงกับเพลงที่พริวตามกระแสลม…ล่องลอย…ส่องแสงสว่างเสริมบรรยายกาศให้เป็นคืนที่น่าสนุกสนาน
 

 

…….ราตรีหนึ่งยังตรึงฝังใจ  เชียงรายฟ้าแจ่ม

คืนนั้นวาวแวมด้วยแสงจันทรา  นภาสดใส…….

ริมน้ำกกเย็นด้วยลมพริวพราย………

 

                เสียงเพลงเชียงรายรำลึกดังเล็ดลอดออกมาจากลำโพงที่เจ้าของร้านอาหารริมกก  ได้ติดไว้ตามยอดสุมทุมพุ่มไม้ เย็น.แล้ว..วิหค นก กา  ปักษาทิชาชาตต่างเร่งรีบกลับสู่รวงรังเพื่อภาระกิจของสัตว์โลกที่ต้องกลับไปดูแลลูกน้อยเมียรัก…..และหลับพักผ่อนเอาแรงไว้เพื่อหากินในรุ่งอรุณของวันใหม่…..ไม่เหมือนสัตว์โลกผู้มีปัญญา….เวลานี้กลับเป็นเวลาเริ่มต้นของชีวิต….ร้านอาหารในเชียงรายเมื่อปี 2521  นั้น ร้านริมกกเป็นร้านหนึ่งที่มีชื่อเป็นที่ต้องใจของนักท่องเที่ยว…เพราะตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก  มีซุ้มอาหารเรียงรายไปตามแนวริมฝั่ง  เวลารับประทานอาหารจะได้นั่งซึมซับบรรยากาศของสายน้ำอมตะแห่งนี้  น้ำในแม่น้ำตอนปลายฝนต้นหนาวขณะนี้ออกจะสดใสพอสมควร ไม่เข้มข้นเหมือนตอนต้นฝนที่พัดพาเอาตะกอนขุ่นข้นล่องลอยลงมา… แสดงให้เห็นว่ามีการพังทะลายของหน้าดิน  โดยไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวไว้  เพราะป่าถูกบุกรุกทำลายโดยรู้เท่าไม่ถึงการ…และบุกรุกเพราะไม่มีที่ทำกิน…ไอ้ที่มีกินแล้วก็ไม่รู้จักพอน่าอนาถกับป่าไม้ไทย…เขาทั้งลูกหัวโล้นหมด…เวรกรรม…ข้าพเจ้าย้ายจากอีสานมารับราชการที่เชียงราย ได้ 2 ปี พอจะมองเห็นความหายนะของป่าว่าเกิดจากอะไร….เชียงรายยุคนั้นถึงแม้ว่าป่าจะถูกทำลายลงไปมาก แต่ก็หาได้ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนแปลง….จนเป็นทะเลทรายก็หาไม่…

                คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงตรงกับเพลงที่พริวตามกระแสลม…ล่องลอย…ส่องแสงสว่างเสริมบรรยายกาศให้เป็นคืนที่น่าสนุกสนานกับ…สุรา  นารี…วีถี…คงคา…ยุคนั้นสุราไทยที่ขึ้นชื่อไม่มีใครเกิน…”แม่โขง”  ตามสโลแกนของสิบล้อที่ชอบเขียนติดท้ายรถว่า  “รักแท้คือแม่ข้า ฯ…รักรองลงมาต้องแม่โขง…”  เมื่อแม่น้ำสองสายมาบรรจบพบกันอะไรจะเกิดขึ้น…

                โต๊ะสองตัวถูกนำมาต่อกันแล้วปูด้วยผ้าขาวล้อมรอบด้วยเก้าอี้นับจำนวนได้แปดตัว…
คืนนี้เป็นคืนสังสรรค์สมัครพรรคพวกหลายหลายอาชีพ…ไม่ว่าจะเป็น  ป่าไม้  สัตวแพทย์  นายทหารจากค่ายเม็งราย  รองปลัดเทศบาลเมืองเชียงราย  ยาสูบ…ฯลฯ…แต่ละนายรุ่นราวคราวเดียวกันที่ได้พบปะจากการแนะนำและชักจูงต่อกันมา….แต่ละคนจบมาจากสถาบันมีชื่อ  เช่น  จุฬา ฯ  เกษตร ฯ  ธรรมศาสตร์  จปร.  และอีกหลายสถาบัน  เราพบกัน  …เมืองแห่งนี้และได้คบหาสมาคมจนเป็นเพื่อนกิน…ไม่ว่างานไหนลุยแหลกแต่ละคนมีอาชีพเป็นหลักฐานมั่นคงกันทุกคน  เพราะเป็นข้าราชการ….

                20.00  .  ……..พวกเราทั้งหมด  8  ชีวิตต่างสรวลเสเฮฮาสนุกสนานกับ  สุรา  ยาเมา
ที่ทางร้านได้เริ่มลงมือเสริฟมาตั้งแต่เวลาหกโมงเย็น  ถ้าเปรียบเทียบกับรถยนต์ขณะนี้
พวกเราทั้ง  8  คนเริ่มอยู่ที่เกียร์สาม…  ลิ้นไก่ปรกติสั้นอยู่แล้ว …บางคนเริ่มสั้นหนักข้อเข้าไปอีก…..

                “….ไอ้ชินโว้ย…..เอ็งย้ายมาเชียงรายตั้งแต่เมื่อไหรวะ

                “หลังไอ้เฒ่าไม่กี่เดือนหรอกวะ  แล้วเอ็งละไปยังไงมายังไงถึงได้มาถึงนี้”

                คนถามคือเจ้าช้าง …..เดิมทีหมอนี้บรรจุที่เขตตากไม่รู้ทำงานอย่างไรเกิดฟลุ๊คได้สองขั้น  จังหวะเหมาะพอดี เขาเปลี่ยนระบบราชการจากชั้นตรี โท เอก มาเป็นระบบซี เจ้าช้างซึ่งได้สองขั้นอัตราเงินเดือนเข้าข่ายได้ซี 4 จึงถูกย้ายมาเอาซี … ส่วนไอ้เจ้าชินนั้นพอเรียนจบเศรษฐศาสตร์เกษตรแล้ว  หมอเป็นคนชอบเรียนเลยสมัครเรียนต่อปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ที่นิด้า  พอจบก็สมัครเข้าเทศบาลจนได้ตำแหน่งใหญ่โตจนทุกวันนี้ ….สองคนนี้มีบ้านเดิมที่เดียวกันคือลาดกระบัง….สำหรับเพื่อนช้างนั้นเป็นที่น่าเสียดายแทนกรมป่าไม้และประเทศไทย  เพราะเพื่อนได้เสียชีวิตหลังจากที่ย้ายจากเชียงรายไปอยู่กรมป่าไม้…และได้ออกไปตรวจสภาพป่าเพื่ออนุญาตสร้างเหมืองที่ชุมพร….เพราะเพื่อนโชคไม่ดีไปเจอผู้มีอิทธิพลกำลังตัดไม้ทำลายป่าพอดี… และเพื่อนกำลังจะรายงานกรมก็โดนลอบยิงเสียก่อน…เพื่อนช้างเป็นข้าราชการที่หาได้ยากในศตวรรษนี้…นิสัยโผงผาง…ซื่อสัตย์สุจริต แต่เป็นคนมีน้ำใจ…กรมป่าไม้จึงต้องเสียเพชรเม็ดงามที่ได้เจียรนัยแล้วไปอีกเม็ดหนึ่งหลังจากที่เคยเสียมาโดยตลอด…น่าเสียดาย…แล้วก็จับผู้ร้ายไม่ได้ตามเคย

                                “แล้วไอ้ทศละ…มันไปยังไงมายังไงถึงมาไกลสุดกู่…โดนเตะมาหรือเปล่า”

คุณสุชินได้ทีรีบถามถึงข้าพเจ้าทันทีเพราะตอนเรียนเป็นรูมเมดกัน… ยังไม่ทันที่ข้าพเจ้าจะตอบ  เพื่อนช้างรีบสวนหมัดทันที…

                “ไอ้ทศมันปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องเหมือนกับเรานั่นแหละ…ไม่มีใครเตะมันหรอก  มันเตะตัวมัน…เพราะดัน..ส ใส่เกือกผูกเชือกกอไก่ตัวมันเอง…ขยันเกินไปเขาเลยให้มันมา”

                ขณะที่พวกเรากำลังสนทนาถามสารทุกข์…สุกบ้าง  ดิบบ้าง…และบางครั้งมีเรื่องโจ้กเล่าสู่กันฟังและส่งเสียงเฮขึ้นพร้อมกันบ่อยครั้งขึ้น  และอีกน้ำเปลี่ยนนิสัยเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์.

                ไม่ห่างไกลไปจากโต๊ะกินอาหารของเราไปมากนัก  คะเนดูว่าจะประมาณ 20 – 30 เมตร  มีต้นไทรย้อยยืนตระหง่านอยู่ต้นหนึ่ง…จากภาพที่เห็นโดยอาศัยแสงโคมไฟสลัว ๆ  รวมกัน  แสงจันทรา…พอจะอนุมานได้ว่าต้นไทรต้นนี้โตและเก่าต้นหนึ่ง…แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นรัศมีกว้าง…ใต้ต้นไทรมีกลุ่มชายนั่งล้อมวงกันอยู่สองวง…ประมาณได้ว่า วงละ 10 คน  กำลังสังสรรค์สนุกสนานเช่นเดียวกับกลุ่มของเรา…มีเสียงหัวเราะปะปนกับเสียงด่าทอกันตามสภาพที่ดูแล้วน่าจะเป็นวัยรุ่นซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว…เพราะฟังจากน้ำเสียง…และท่าทางที่ยังอ่อนต่อโลก…ขณะที่วัยรุ่นทั้ง  2  วง  กำลังสนุกสนานกันอยู่นั้น … ปรากฎว่ามีชายวัยรุ่น  2  คน  แตกวงออกมาเดินกอดคอกันเดินเฉียดโต๊ะ  โดยทั้งคู่เดินกลับไปกลับมาห่างจากโต๊ะพวกเราประมาณ 2 เมตร  แล้วบ่นพึมพัมเสียงค่อนข้างดังพอที่พวกในโต๊ะเราทุกคนจะได้ยิน…สำเนียงน่าจะเป็นคนภาคกลาง…แต่น้ำเสียงอ้อแอ้ไปบ้างตามดีกรีที่โด็ปเข้าไปน้ำเสียงและท่าทางไม่พอใจและสบอารมณ์เท่าใดนัก…

“เฮ้ย…นุ้ย ?  ข้าว่าแถวนี้มลภาวะจะเป็นพิษซะแล้ว”

                “ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละวะมีความสุขอะไรกันนักกันหนาจึงได้เฮไม่หยุด…อิจฉาจริงโว้ย”

                สัมผัสที่หกบอกกับข้าพเจ้าทันที่ว่า…โดนเข้าให้แล้วละซิ  8  ต่อ  20  หนึ่งต่อสองที่เดียวละพวก ….กลุ่มเราเริ่มรู้ตัวกันทุกคนแล้วว่า…นาทีระทึกใจอาจจะเกิดในไม่ช้านี้….เจ้าช้างซึ่งเป็นนักยูโดของมหาลัยเริ่มสกิดข้าพเจ้าและส่งซิกให้พวกเราทั้ง 8  คนได้ทราบว่า…

                มหันตภัยใกล้มาเยือนแล้วขอให้พวกเราเตรียมตัวไว้  ได้ซุบซิบตกลงกันว่าเราจะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องเพราะเราเป็นข้าราชการแทบทั้งนั้น….เว้นแต่ว่าเป็นไฟต์บังคับหลีกไม่ได้ สำหรับเรานั้นชาชินแล้ว  กรณียกพวกตีกันแต่เพื่อนต่างสถาบันนี้ซิ  เรายังห่วงอยู่…ขณะที่สมองกำลังควานหายุทธวิธีตั้งรับอยู่นั้น…วัยรุ่นสองคนเดินเฉียดและโฉบเข้ามาอีก…คราวนี้  พูดจาในทำนองไม่ได้ว่าใครแต่แสดงให้เห็นถึงความเก่งกล้าของความเป็นแมน……

                “เฮ๊ยนุ้ย…คืนนี้ถ้าเป็นอยู่บางเขนคงน่าดูชม”

                ทันทีที่ข้าพเจ้าได้ยินคำว่า  “บางเขน”  หลุดออกมาจากปากเจ้าหนุ่มหน้าใส….ข้าพเจ้านึกออกทันทีว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างหนึ่งแล้ว  ลองลักไก่ดู  ถ้าใช่ก็สบาย ….ปากไวกว่าความคิด…กวักมือพร้อมเรียกเจ้าหนุ่มทั้งสองให้เข้ามาพบคิดในใจว่าถ้าไม่เข้ามาจะตามไปพบด้วยตนเองให้ได้…สมใจนึกเจ้าหนุ่มทั้งสองกอดคอเดินส่ายอาด ฯ  เข้ามาพบอย่างไม่ยี่หร่าว่าจะเป็นอินทร์ พรหมยมนา มาจากไหน …..ทันทีที่เจ้าหนุ่มทั้งสองเดินเข้ามาที่โต๊ะของเราขณะนั้น ข้าพเจ้านั้นอยู่ในอริยบทที่นั่งอยู่สองหนุ่มนิรนามเท่านั้นที่ยืนค้ำคอ…อหังการ์อะไรเช่นนั้น….

                ข้าพเจ้าไม่รอท่าอีกแล้วรีบยิ่งคำถามทันที…..

                “อยู่ตึกไหน  หอไหน  ประธานปกครองชื่ออะไร

                ทันทีที่สิ้นเสียงของข้าพเจ้า….ความเงียบเริ่มมาเยือนชั่วอึดใจหนึ่ง ….เสียงที่ข้าพเจ้าได้ยินจากปากของสองหนุ่ม  ….บัดนี้แหบแห้งแผ้วเบาจนแทบไม่ได้ยิน….

                “พี่มาจากบางเขนเหมือนกันหรือครับ….ผม  เค  ยู  รุ่น  38”

                พอสิ้นเสียงของสองหนุ่มข้าพเจ้าได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของก็วนพวกเราทั้ง  8  คน  และแล้วเรื่องราวต่าง ๆ ก็ไหลหลุดออกจากปากของสองหนุ่ม…

                “พวกผมมาออกค่ายอาสาที่อำเภอแม่จัน  วันนี้เป็นวันที่พวกเราจะกลับบางเขนแล้ว  จึงพากันมาฉลอง  ดื่มหนักกันไปหน่อย  ได้ยินพวกพี่ ๆ สนุกกันอดอิจฉาไม่ได้เพราะพวกผมเพิ่งกลับจากทำงานในถิ่นทุรกันดารเหนื่อยมาใหม่  ได้เห็นความเหลื่อมล้ำในสังคมแล้ว  ประเทศไทยเรายังมีช่องว่างทางสังคมอีกมาก  ผมต้องขอโทษพี่ ๆ ทั้งหมดด้วย  ถ้าได้แสดงอาการที่ไม่เหมาะสมออกไป  พวกผมเหนื่อยมาจากช่วยคนยากคนจนเลยเครียดไปหน่อย  หวังว่าพี่ ๆ คงให้อภัย”  

                และแล้วทั้งคู่ก็นั่งคุกเข่ายกมือไหว้ขอโทษพวกเราทุกคน….ข้าพเจ้าในฐานะตัวแทนได้กล่าวปลอบใจ  ไปตามนิสัยที่พวกให้ฉายาว่าขี้ถุย…

                “ไม่เป็นไรไอ้น้อง…เรื่องแค่นี้ขอกันกินยังมากกว่า  พวกพี่ๆ เป็นข้าราชการแล้ว  ทั้งนั้น  เพียงแต่ไม่อยากมีเรื่องเท่านั้นเอง…เรามันเลือดสีเดียวกัน เลือดมันย่อมข้นกว่าน้ำซิน่า  ไปบอกเพื่อน ๆ ทั้งหมดได้แล้วว่าพี่อยู่ที่นี้  ลูกสีเขียวเจอกันมันต้องลงโขงจนได้ละวะ”

                หลังจากนั้น พวกเราต้องเสียดินแดนแม่โขงไป 1 โหลพอดี…….เชียงรายฟ้าแจ่มจริง ๆ

 

                                                                “เขียวธงขจีก่อเกิดไมตรีสามัคคีมั่น……

                                                                                สถานเรียนเกษตรนั้นเราผูกพันบูชา……..

 


Last updated: 2015-02-21 09:41:05


@ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,236

Your IP-Address: 18.118.119.77/ Users: 
1,235