เหินเวหาท้ามรกตนที ตอนที่ 3
ลูกสีเขียว ทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเมื่อเช้าตรู่วันนี้เกิดอะไรขึ้น องค์การนิสิต มิได้นิ่งนอนใจ มันเป็นความรับผิดชอบที่องค์การในฐานะผู้ดูแลกฎกติกานี้
......เราสั่งเราสอนไป เฮ้ย! รอดมาได้ยังวะจมน้ำตั้งสิบกว่านาที ไอ้เมธฯเริ่มสร้างปุจฉาขึ้นมาไม่ว่าผม ไอ้เจ้าชินและไอ้แก่จอมสอดแนมผู้ที่ได้ฉายาไม่ว่าภายใต้อาณาจักรเขียวขจีไม่มีอะไรที่แก่ไม่รู้ เว้นข้อสอบ?......ทุกคนที่กล่าวอ้างมาต่างไม่ปริปากแสดง ข้อคิดเห็นใดๆ ทั้งสิ้นใบ้กินกันหมด!!?
......สถาบันเกษตรศาสตร์ของเราในยุคนั้นใครไม่ได้สัมผัสจงอย่าหมิ่นชาย แม้จะได้รับการขนานนามไปในทางพวกผู้ใช้แรงงาน ที่จบออกมาแล้วต้องทำงานกรมแรงงานแห่งเดียวหารู้ไม่ ......ถึงแม้เราจะเป็นน้ำเน่า แต่หาไร้ซึ่งเงาจันทร์
..!นทิศทางที่ต้องพัฒนาจิตใจและมีวินัย เราเป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่ในช่วงนี้จำเป็นต้องใช้กุศโลบายบริหารบุคคล เพราะเราอยู่ด้วยกันเป็นจำนวนมากทั้งยังนอนกิน มีกิจกรรมร่วมกัน การใช้การปกครองที่ดูเสมือนป่าเถื่อนนั้นเกษตรจึงเปรียบได้กับรถบีเอ็มดับเบิลยู พลังแรงเร็วนิ่มนวลที่ผลิตโดยบาบาเรี่ยนมอเตอร์เวิร์ค ขอท่านผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบานจงไตร่ตรองด้วยเถิด กิจกรรมในวันนั้นเป็นกฎเหล็กของการปกครองตนเอง หากเรื่องถึงมืออาจารย์โทษที่ได้รับอย่างน้อยพักการเรียนหนึ่งเทอมโดยไม่ต้องรอลงอาญา....ถ้ารับโทษจากคณะการปกครองตนเองแล้วก็สั่งอภัยโทษทันทีเสมือนไม่มีมลทินใดๆติดตัว มหาวิทยาลัยมีองค์การนิสิต เป็นสติวเด้นบอร์ดออร์กาไนเซชั่นเป็นศาล มีนายกองค์การนิสิตมีอำนาจสูงสุด ได้แบ่งการดำเนินการเป็นคณะกรรมการบริหาร เอ็กเซกคูชีพบอดี้และคณะกรรมการปกครองเคาซิลบอดี้ มีประธานบริหารและประธานคณะกรรมการการปกครองเป็นฝีพายนำนาวาสีเขียวขจีลำนี้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลมีแต่น้ำจรดฟ้าปีแล้วปีเล่า...เป็นนิรันดร์...
....องค์สุริยะเทพเหินฟ้ามาเกือบครึ่งทางแล้ววันนี้พระองค์ทรงเยือกเย็นผิดปกติ และเจ้าม้าอาชาสีหมอกคู่พระทัยก็เป็นใจแม้สารถีจะลงแซ้ประการใดก็หาทะยานเสมือนเดิมไม่.....มันเป็นเวลา 11.00 น. พอดี .........เสียงก้องมาจากลำโพงรอบบางเขนของเรา เริ่มมีอาการส่งเสียง.................
มีอะไรอีกวะไอ้แก่?
เป็นเรื่องแน่ไอ้นารถเอ๋ย
เจ้าแก่อรุณชัยวันนี้นั่งกินข้าวด้วยกันที่ร้านเฮียแฉะที่บาร์ร้านอาหารหรือโรงครัวริมถนนงามวงศ์วาน....ไม่ทันสิ้นเสียงเจ้าแก่ โสต ศอ นาสิก เริ่มมีปฏิกิริยาโสตมันได้ยิน มธุรสวาจาดังก้องกระหึมไปทั่วนภากาศของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เสียงที่ได้ยินมันคือประกาศองค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ครั้งที่....เรื่อง.....สรุปได้ว่าให้นิสิตมหาวิทยาลัยที่อยู่ในรั้วขณะนี้ทุกผู้ทุกนายให้เข้าประชุมที่ห้องประชุมองค์การ ทุกคนห้ามขาดห้ามลาห้ามป่วยห้ามตายทุกเพศในเวลา 12.00 น. ..........................
ห้องโถงใหญ่ขององค์การนิสิตที่พวกเราเคยประชุมเชียร์เป็นประจำ บัดนี้เต็มไปด้วยคลื่นสมาชิกชาวเกษตรทุกผู้ทุกนาม ตั้งแต่เฟรชชี่จนถึงซุปเปอร์ซีเนียร์น้องๆนั่งตามเก้าอี้ พี่ยืนอออยู่รอบๆ หอประชุมแห่งนี้ ทุกคนงุนงงที่มีการเรียกประชุมอย่างกะทันหันตกใจยิ่งกว่ารู้ว่ามีการปฏิวัติเสียอีก .....ทุกคนมาพร้อมหน้ากันโดยใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้นนับว่ามีความพร้อมเต็มสิบ หากเป็นการศึกสงครามแม่ทัพคงต้องภาคภูมิใจอย่างยิ่ง .......บนสเตจมีชายร่างเล็กแกร่ง ยืนจับขอบโพเดี่ยมอยู่ด้วยสีหน้าที่เย็นชา อ่านใจไม่ออกว่ามีอารมณ์เช่นใดเพลานั้น มันเป็นเวลา 12.30 น. พอดี .....เสียงที่ผ่านจากลำคอของประธานปกครองดังก้องกังวานขึ้นทุกชีวิตในห้องเงียบสนิทหารู้ไม่ว่ายามทะเลสงบมันย่อมมีคลื่นใต้น้ำเสมอ .........
ลูกสีเขียว ทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเมื่อเช้าตรูวันนี้เกิดอะไรขึ้น องค์การนิสิต มิได้นิ่งนอนใจ มันเป็นความรับผิดชอบที่องค์การในฐานะผู้ดูแลกฎกติกานี้ และจะต้องคงประเพณีของเราให้ยืนยงอยู่ต่อไป เพื่อไม่ให้กิจกรรมของเราต้องมัวหมองจากผู้ที่ไม่ประสงค์ดีจึงเรียกทุกๆท่านประชุมชี้แจงผลการสอบสวนให้ทราบโดยสังเขป เมื่อเช้าของวันนี้ทันทีที่ผู้ต้องโทษตกลงไปในน้ำแล้วประดาน้ำของเรา ได้พยายามงมหาไม่เจอ โดยที่เราทุกคนได้สำคัญผิดว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงจนทำให้นิสิตต้องตายลงไปนั้น ความจริงได้ปรากฏว่านายมีเดชมิได้เป็นไปอย่างที่เราคิด เพียงแต่มีเล่ห์ลวงพวกเรา ซึ่งมิควรกระทำอย่างยิ่ง ในตอนที่ตกลงไปในน้ำนั้นนายมีเดชฯ ได้แอบเอาท่อพลาสติกแข็งซ่อนไว้ก่อนหน้านี้ โดยเสียบไว้ที่ขอบสระที่เป็นมุมด้านคาเฟทีเรีย เจ้าตัวเมื่อตกลงน้ำรีบดำไปแอบที่มุมใช้ท่อพลาสติกที่แอบเก็บไว้ใช้หายใจทางปากแทน ยามใดที่นักประดาน้ำของเราว่ายไปควานหาที่มุม ก็จะทำตัวลอยในแนวระนาบ จึงทำให้เราหาไม่พบ แต่แล้วสวรรค์ก็มีตาปรากฏว่า ตรงบริเวณขอบสระที่นายมีเดช โผล่ท่ออากาศออกมาหายใจมีนิสิตจำนวนมากมายืนชมการลงโทษ ทำให้ไม้กระดานที่ตีรอบกันดินขอบสระรับน้ำหนักไม่ไหวทำถล่มลงมาลงไปอุดท่อหายใจ ทำให้นายมีเดช หายใจไม่ออกจึงต้องทะลึงตัวขึ้นมาให้ทำให้เราจับแต่โดยดีสำหรับความผิดครั้งนี้นั้น มันสาหัสสากันนักองค์การ จึงจำเป็นต้องส่งให้สภาคณาจารย์พิจารณาโทษ สมาชิกทั้งหลายขอให้ทุกท่านจงลบภาพในวันนี้ออกจากใจให้หมดและกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว ขอให้กลับไปปฏิบัติภารกิจตามที่เคยเป็นต่อไป ..............
..........หลังจากที่รับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ก็กระโดดขึ้นเจ้าสองล้อสีแดงคู่ชีพออกไปนั่งดูน้ำที่กระเพื่อมหน้ามหาวิทยาลัยคิดคำนึงเรื่อยเปื่อย ตามประสาคนกำลังสับสนทางความคิด นั่งดูน้ำไปพระพายโชยมาอ่อนๆ พอสบายตัวพอจิตนิ่งลงบ้างปัญญาเริ่มเกิด ในตอนแรกคิดว่าเราหลงเข้ามาอยู่ในดงของนนทรีป่า ซึ่งมีช่อคว่ำไม่รับแสงแห่งอรุณ อับเฉา หม่นหมอง แต่เมื่อหันหลังไปมองต้นนนทรีด้านหลังทำไมช่อดอกมันจึงหงาย รับแสงตะวันตื่นเบิกบานสนุกสนานเสมือนห้องมืด หากนำเลนซ์รวมแสงพิเศษย่อมได้เห็นประกายของความงามปรากฏอยู่เสมอ ฉับพลันพอได้คิดมันก็บริบูรณ์ด้วยตัวมันเองสมเหตุสมผลไปตามธรรมชาติแล้ว ดีที่เราได้เคยมาพำนักพักพิงทั้งในแดนนนทรีไพรและนนทรีบ้านเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอมิใช่ ฤ ?.............
Last updated: 2014-05-24 07:57:52
|
@ เหินเวหาท้ามรกตนที ตอนที่ 3 |
|
|
|
|
|
|
|
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ เหินเวหาท้ามรกตนที ตอนที่ 3
|