...ลมโชยรวยระรินพาเอากลิ่นดอกพะยอม ที่เบ่งบานเต็มต้น แมลงภู่หมู่ภมรต่างลิ้มรสความหอมหวานของเกสร จากดอกนี้ไปดอกโน้น เสียงบินดังหึ้งเบา ๆ วันนี้เป็นกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นเวลาของการเริ่มผลิดอกของพืชพรรณบางชนิด มนต์ขลังแห่งป่ามิมีมายาดังในกรุง ข้าพเจ้าแหงนหน้าขึ้นมองตะวันที่ทำให้ตัวข้าพเจ้ามอง มิอาจมองเห็นเงาตัวเอง เที่ยงตรงแล้วซิ รีบบอกทีมงานให้หยุดพัก...
พวกเรา ผมว่าหยุดพักที่นี้ มีลำห้วยอยู่ข้างล่างพอดี
ประเวศเปิดประตูรถออกไปก่อน รีบจัดแจงเดินตรงไปที่ใต้ร่มตะแบกใหญ่ เป็นตะแบกเปลือกบางที่มีพูพอนมาก จนแทบจะแปรรูปไม่ได้เนื้อไม้ มันจึงคงทนต่อกิเลศของคนได้ ทำการกวาดพื้นให้กว้างแล้วใช้ผ้าพลาสติกปู ฝ่ายเสบียงก็จัดการนำอาหารมื้อเที่ยง ที่เป็นเมนูซ้ำซากเกือบทุกวัน มีไก่ย่าง ๒ ไม้ ไข่ต้ม ๒๐ ฟอง เนื้อแห้งทอด แจ่ว และพริกป่นใส่น้ำปลาหนึ่งถ้วน เมื่อวางสำรับกับข้าวเสร็จ ประเวศ ตะโกนเรียกสมาชิกทันที...
เฮ้ย ! น้อยเรียก เจ้าอ็อดและเจ้าตั๊บด้วย ไม่ต้องเก็บผักมากหรอก หัวหน้ารอแล้ว ?
ไม่วายที่จะต้องเอ่ยชื่อหัวหน้า เพราะถ้าปล่อยให้เข้าป่าแล้ว แต่ละคนรู้สึกจะมีความสุข บางคนเดินเก็บเห็ดไปเสียไกลก็มี...
ทุกคนนั่งล้อมวงกันจัดการกับอาหารซึ่งเน้นที่ข้าวเหนียวนึ่ง มากกว่าข้าวสวย หนักท้องไว้ก่อน...พวกเราเข้าป่ากันวันนี้ เนื่องจากมีข่าวว่า ผู้ใหญ่บ้านที่มีอิทธิพล จะทำการจัดสรรป่าขายให้กับบรรดานายทุน พื้นที่เป้าหมาย อยู่ด้านทิศใต้ศูนย์อพยพชาวกัมพูชา หรือที่เราเรียกติดปากว่า ไซต์บี เป็นชาวกัมพูชาที่แตกกระเซ็นมาจากประเทศของตนรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ในฐานะประเทศที่มีความเมตตาปราณี จึงจำเป็นต้องให้ลี้ภัยสงคราม โดยได้รับการสนับสนุนเงินเลี้ยงดูจากสหประชาชาติ พื้นที่ที่ว่า ห่างจากศูนย์ประมาณ ๔ กิโลเมตร แต่เป็นกิโลเมตรในป่า ไม่ใช่ที่ราบ เรามาถึงจุดหมายแล้ว พบว่า ตามต้นไม้มีการหมายแนวโดยใช้สีแดงป้ายตามลำต้น และทำสัญลักษณ์หักไม้ปักเป็นลูกศรชี้ แสดงว่าเพิ่งจะเริ่มทำการแบ่ง รู้สึกว่าแต่ละแปลงจะประมาณ ๒๐ ไร่ สภาพทั่วไปเป็นป่าสมบูรณ์ มีไม้ทุกชั้นอายุขึ้นอยู่หนาแน่นพอสมควร ป่าบริเวณนี้เป็นป่ากึ่งดิบแล้งปนเบญจพรรณ มีไม้มีค่าสำคัญขึ้น นำโดยพญาไม้ ได้แก่ ไม้ยางนา และไม้มีค่า ไม่ว่ากระบาก ตะแบก ประดู่ พะยูง ปะปนกัน....
บรรดาชาวบ้านหรือคนเมืองต่างเข้าใจว่า การบุกรุกทำลายป่าที่ก่อให้เกิดความเสียหายมหาศาลคือการลักลอบตัดไม้ใหญ่ โดยกะเกณฑ์เอาขนาดและอายุของต้นไม้ที่ถูกตัดเป็นตัววัด ยิ่งมีขนาดใหญ่อายุมากเป็น ๑๐๐ ปีขึ้นไป ถือว่าเป็นการตัดไม้ทำลายป่าอันใหญ่หลวง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดไปจากความเป็นจริง ตามหลักแล้ว ไม้ใหญ่ วัยชรา วายน้ำมัน สมควรที่จะตัดออกไปใช้ประโยชน์ หากทิ้งไว้รังแต่จะยืนต้นตาย ผุพังเป็นอาหารของมอด ปลวก เปรียบได้กับคนชราที่ไม่สามารถจะออกดอก ออกผล แพร่พันธ์ต่อไปได้อีก ควรเปิดโอกาสให้ไม้หนุ่มวัยฉกรรจ์เติบโตขึ้นมาแทนที่...แต่การบุกรุกในลักษณะแผ้วถางทำลายจุดไฟเผา เป็นการทำลายป่าแบบเบ็ดเสร็จ ทำลายตั้งแต่บักเตรี ใส้เดือน และจุลชีพในดิน เนื่องจากเมื่อแผ้วถางไม้เล็กไม้ใหญ่ล้มลงจนหมด ก็จัดการเผาทิ้งไว้ จนไฟหมอดแล้วเก็บริบสุมเผาทำลายอีกครั้งจนหมด เพื่อวัตถุประสงค์ต้องการที่ดิน ซึ่งเปรียบได้กับการ ฆ่าช้างเอางา น่าอนาถและอดสูที่สุด และผู้มีเงินและมีอิทธิพลมักจะใช้ราษฎรเข้ามาทำการแผ้วถางเสียก่อน จึงทำให้พวกที่ถูกจับมักจะเป็นประชาชนตาดำ ๆ เพราะคงไม่มีนายทุนหน้าโง่คนไหนเดินเข้าป่าไปบุกรุกแผ้วถางเสียเอง...เมื่อพื้นที่เตียนโล่งแล้วจะเข้าไป หากเป็นพื้นที่มีทิวทัศน์สวยงามก็จะสร้างสถานที่ท่องเที่ยว รีสอร์ท โรงแรม โดยการนำเอกสารสิทธิ ส.ค. ๑ มาจากที่ใดไม่ปรากฏ บินมา จัดทำให้ได้มาซึ่งโฉนดในที่สุด ก่อนที่ความคิดคำนึงของข้าพเจ้าจะกระโดดไปไกลกว่านี้...เจ้าน้อยพูดขึ้นว่า...
หัวหน้าครับ ลึกไปทางทิศตะวันออกจากจุดที่เรานั่งได้ข่าวว่ามีที่ดินของส.จ. อยู่หนึ่งแปลงเกือบร้อยไร่
ข้าพเจ้ากำลังจะถามต่อ ประเวศแทรกขึ้นก่อน...!?
เฮ้ย! น้อย ข่าวกรองหรือเปล่า?
เจ้าน้อยซึ่งกำลังคลึงข้าวเหนียวเตรียมข้ามปาก พูดตอบทันควัน...!!
พี่ประเวศก็รู้ว่า ข่าวผมเคยพลาดกี่ครั้ง
ประเวศจึงสงบปาก ข้าพเจ้าถามต่อไปว่าตำแหน่งที่ว่าอยู่ไกลแค่ไหน ได้รับคำตอบว่าห่างออกไปประมาณเกือบ ๒ กิโลเมตร และทราบอีกว่า เจ้าของที่มาจับจองเป็น ส.จ. ข้ามมาจากจังหวัดข้างเคียง ซึ่งเจ้าตั๊บบอกว่า เป็นผู้ที่มวลชนในพื้นที่ให้ความยำเกรง พอถึงตรงนี้ ประเวศโพล้งขึ้นทันที...
สงสัยจะเป็น ส.จ. เล็งมังพี่?
เจ้าน้อยซึ่งนั่งฟังพยักหน้า ข้าพเจ้าหันไปมองสบตากับประเวศเป็นอันรู้กัน ส.จ.คนนี้มีอิทธิพลต่อชาวบ้านแถบนี้ เพราะคอยช่วยเหลือทุกเรื่อง แม้แต่คอยประกันเมื่อชาวบ้านถูกจับกุมไม่ว่าคดีอะไร เมื่อทุกคนอิ่มหมีพีมันกับอาหารมื้อเที่ยงแล้ว ต่างลุกขึ้นทำความสะอาดบริเวณเก็บขยะไปทิ้ง แล้วแยกย้ายไปชำระร่างกายที่ริมห้วยเล็กที่ห่างจากที่รับประทานอาหารประมาณ ๑๐๐ เมตร เสร็จก็มารวมพลตำแหน่งที่เราอยู่มันเป็นตำแหน่งอยู่ใจกลางของลำห้วยที่ไหลไปลงบ้านเทพรักษาหรือศูนย์อพยพ หากเดินขึ้นไปทางทิศใต้ประมาณ ๑ กิโลเมตร จะพบสบห้วย ที่มีห้วยแยกไปทางทิศตะวันออก ลำห้วยที่ไหลมาจากด้านบนเป็นลำห้วยที่มีต้นน้ำจากห้วยสำราญ จากเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งทอดยาวตลอดแนวชายแดน กัมพูชา ดังนั้น เป้าหมายที่เราจะเดินไปคือ ที่จับจองของ ส.จ.เล้ง จึงอยู่ทางทิศตะวันออก และน่าจะห่างประมาณ ๒ กิโลเมตร ที่เจ้าน้อยนักสืบกิตติมศักดิ์รานงาน และแล้วคณะของเราก็รีบออกเดินทาง เพราะข่าวว่ามีคนเข้าไปแผ้วถางพื้นที่แล้ว...
แม้เหมันตฤดูจะเข้ามาเยือนแต่หากอยู่ในป่าดงพงไพรแล้ว ยังคงมีแต่ความอบอุ่น สลับกับความเยือกเย็น บริเวณใดที่พระพายพัดผ่านได้ ก็นำกลิ่นดอกพะยอม หอมเย็นใจมาฝาก มนต์เสน่ห์แห่งป่าและขุนเขาเป็นเช่นนี้มานานัปกาล...
ทีมงานของเราใช้เวลาเดินทางประมาณ เกือบชั่วโมง มาถึงจุดหมาย เหตุที่ทราบเพราะเจ้าน้อยเดินไปเจอหลักเสาคอนกรีตขนาดหน้า ๔ คูณ ๔ นิ้วปักอยู่ มันทำความสะอาดประหลาดใจให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก เจ้าอ๊อดจอมตื่นเต้า ถามขึ้นว่า...
พี่ประเวศ ใครมันแบกเสามาฝังในป่า มันกล้าจริง ๆ
ประเวศซึ่งกำลังดื่มน้ำ แทบสำลัก ตอบกลับแบบกึ่งโมโห และหมั่นไส้
เอ็งถามเสาปูนดูซิว่า ใครพามันมา ไอ้น้อยคงรู้มั้ง?
เจ้าน้อยหันมามองเจ้าของเสียง ทำหน้างอนนิด ๆ ข้าพเจ้าเห็นว่าแต่ละคนคงจะไม่สบอารมณ์นักที่มีคนมายึดถือครอบครองป่าที่ตนดูแล เขาจึงพูดขึ้นว่า...
พวกเราคิดเหมือนผมหรือเปล่า? คงจะจองไว้ไม่น้อยกว่า ๑๐๐ ไร่ ลองเล่นปักเขตแดนด้วยเสาปูน แต่ขนเข้ามาเมื่อไหร่ สายข่าวของเรา ไม่น่าตกข่าว
ประเวศเสริมขึ้นว่า...
พี่ ผมว่าเสามันคงขนมาไม่น่าเกิน ๖ ต้น เดี๋ยวเดินดูคงพอจะรู้
งานนี้ เจ้าตั๊บไม่ได้ออกความเห็นกับเพื่อน ๆ เพราะตนเองนั้นพหูสูตทางเลื่อยโซ่ยนต์ ใครทำอะไรที่ไหนหากใช้เลื่อยโซ่น้อยรายจะผ่านตาเจ้าหมอนี้ไปได้ สำหรับเจ้าน้อยเอาทุกเรื่อง จริงบ้างเท็จบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นจริงเสียมากกว่า ทุกคนจึงไว้ใจ...
ขณะที่พวกเราหยุดพักดื่มน้ำ ซึ่งตำแหน่งที่ยืนอยู่ห่างจากลำห้วยทางทิศตะวันออกประมาณ ๒๐๐ ๓๐๐ เมตร ขณะนี้เราอยู่บนเนินเตี้ยหากเดินไปทางทิศเหนือจะลาดลง ป่าบริเวณนี้จะไม่ค่อยสมบูรณ์ มีไร่ร้างเก่าแซมประปราย เราทุกคนพากันเดินลงเพราะทิศทางของการปักหลักเขตมันบ่งบอก เนื่องจากที่เสามีลูกศรชี้กำกับไว้ พ้นทุ่งหญ้ามาได้สักระยะ ก็เป็นผืนป่าที่สมบูรณ์เป็นหย่อม ๆ พอเดินมาเกือบพ้นราวป่า พวกเราทุกคนต่างได้ยินเสียง วัตถุแข็งกระทบไม้...โป๊ก..โป๊ก..เป็นระยะ แต่เบามาก ทุกคนต่างมองหน้ากันเหมือนจะถามว่า เป็นเสียงจริง หรือหูแว่ว ข้าพเจ้าจึงให้ทุกคนหยุดยืนนิ่งแต่เสียงวัตถุกระทบไม้ยังดังอยู่...
ประเวศเดินมาหาข้าพเจ้า กระซิบเบา ๆ ว่า...!?
เราจะเอาไงดีพี่ เสียงคนตัดไม้แน่นอน แต่น่าจะเป็นพวกไม้เล็ก
ข้าพเจ้าจึงบอกไปว่ากำลังของเราที่มาวันนี้ พากันมาเพียง ๖ คน เพราะต้องการมาหาข่าวก่อนไม่นึกว่าจะมีการแผ้วถาง นับจำนวนคน มีข้าพเจ้า ประเวศ เจ้าน้อย เจ้าอ๊อด และเจ้าสมควร คนขับรถเจ้าแมวก็ลาพักเลยได้เจ้าตั๊บมาแทน ตำแหน่งเสียงมันอยู่ด้านล่าง ประมาณว่าห่างจากจุดที่ยืนราว ๕๐๐ เมตร ข้าพเจ้าจึงสั่งประเวศไปทันทีว่า...
ประเวศ คุณนำกำลัง มีเจ้าควร เจ้าตั๊บ รวม ๓ คน แยกไปทางซ้ายมือคือทิศตะวันตก ผม เจ้าน้อย และอ๊อด จะออกทางขวา ซึ่งเป็นทิศตะวันออก กระจายกำลังเป็นรัศมีวงกลมตีโอบเข้าหาจุดที่มีเสียงใช้รหัสสัญญาณเดิมเสียง นกเขาขัน ๓ ครั้ง เมื่อใกล้เป้าหมาย ระยะห่างจากเป้าประมาณ ๓๐ เมตร พยายามบังตัวกับต้นไม้ ส่งสัญญาณแล้ววิ่งออกมาไล่ตะกรุบเหยื่อให้ได้ งานนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด ต้องได้ตัวสถานเดียว
...พอตกลงกันเรียบร้อย กำลังทั้งสองฝ่ายต่างแยกย้ายกันเร้นกายหลุดลับไปกับป่าดิบแล้งอย่างเงียบกริบ เปรียบประดุจพยัคฆ์ไพร...ที่ค่อย ๆ ย่องเข้าหาเหยื่อ...
...พยัคฆ์ร้ายแห่งขุนเขาพนมดงรัก ๒ กลุ่ม ต่างแยกย้ายย่องเหยียบพื้นอย่างเงียบกริบ ตามสัญชาตญาณเฉกเช่นแมวยักษ์ เป้าหมายคือตำแหน่งที่มาของเสียง ซึ่งคาดเดาว่าเป็นการตัดไม้ ซึ่งขณะนี้ เจ้าเสียงที่ว่าได้ยุติลงแล้ว ข้าพเจ้าสั่งให้บรรดาลูกน้องหยุดการเดินทาง ไม่ทันที่จะได้พัก...เสียงของแข็งกระทบไม้ดังขึ้นอีก และค่อย ๆ ชัดขึ้นตามลำดับ พวกเราเดินต่อ เริ่มจะมองเห็นป่าข้างหน้า ซึ่งโปร่งบางเนื่องจากมีไม้พื้นล่าง จำพวกลูกไม้ล้มระเนระนาด ไม้ขนาดใหญ่ที่เส้นผ่าศูนย์กลาง ๖-๘ นิ้ว มีล้มอยู่บ้าง จำนวนไม่ถึง ๑๐ ต้น ข้าพเจ้าให้สัญญาณเดินต่อ เหงื่อเริ่มซึมเต็มใบหน้า เพราะอากาศทั้งอบอ้าวและเครียดไปในตัว ผ่านมาแล้วประมาณ ๒๐ นาที จากพื้นที่ที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าพวกเราตัดไม้เข้ามาจำนวนน้อย และอาจจะเข้ามาก่อนพวกเราเพียง ๒ วัน ...
สักครู่ได้ยินเสียง...จุ๊กกรู่... ๓ ครั้ง แสดงว่าประเวศได้ไปอยู่ในระยะที่ห่างจากที่เกิดเหตุ ประมาณ ๓๐ เมตร และอาจกำบังตัวอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ หรือต้นไม้ใหญ่แถบนั้นเช่นเดียวกับข้าพเจ้า ซึ่งหลบบังตัวอยู่กับพุ่มไม้ เพื่อให้การออกปฏิบัติการตีโอบล้อมให้ได้ประสิทธิผล ได้ตกลงกันแล้วว่าจะส่งเสียงนกเขาขันยาว คิดได้แล้วข้าพเจ้าสะกิดไปที่เจ้าน้อย...อันเป็นที่รู้กัน เจ้าน้อยป้องปากร้องเป็นเสียงนก...จุ๊กกรรรรู...และแล้วฟากฝั่งทางประเวศทุกคนเดินออกจากที่กำบังเรียงหน้ากระดานเข้าหาเป้าหมายเช่นเดียวกับทีมข้าพเจ้า พอทุกคนเดินโอบล้อมจุดที่ทำให้เกิดเสียง มาอยู่ในระยะที่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ ๑๐ เมตร ทุกคนต่างหยุดชะงัก เสมือนถูกสาบให้เป็นหินในบัดดลนั้น.......!!!!
...พระเจ้าช่วย ภาพที่ปรากฏตรงหน้า...เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนเราและท่าน เพียงแต่มีรูปร่างสูงเพียง ๑๐๐ เซนติเมตร ผมเผ้ารุงรัง หน้าตามอมแมมกระดำกระด่าง สวมเสื้อเก่าคอกระเช้าลายดอก สีซีดจนเป็นสีน้ำตาล อมดำ มีรอยขาดเป็นจุด นุ่งผ้าถุงสีดำขาดรุ่งริ่ง...แต่มือขวาถือมีดพร้ากำลังฟันลงไปที่ต้นไม้ ซึ่งมีความโตกว่าลำแขนของเธอเพียงนิดเดียว...
...อนิจจา...เธอคือเด็กผู้หญิงชาวบ้านป่า อายุไม่น่าเกิน ๗ ขวบ.........!!?
Last updated: 2014-04-18 23:02:43