เมื่อคิดว่าตนฉลาด จงเอาความฉลาดไปทำบุญ
 
     
 
พะยูงฤาจะสูญสิ้นแผ่นดินไทย (๔)
ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติเป็นทรัพย์สินของมวลมนุษยชาติ ประชาชนทุกคนต้องมีหน้าที่ในการดูแลรักษาไว้ร่วมกัน
 

...ก่อนที่เราจะมาลองหาวิธีการชะลอหรือหยุดยั้งการลักลอบตัดไม้พะยูงค้าข้ามชาติ  มาขอกล่าวถึงองค์กรพิทักษ์ป่าโดยตรงเสียก่อน  แล้วจึงค่อยไปว่ากันเรื่องบูรณาการ

                ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติเป็นทรัพย์สินของมวลมนุษยชาติ  ประชาชนทุกคนต้องมีหน้าที่ในการดูแลรักษาไว้ร่วมกันอยู่แล้ว  แต่ในการบริหารราชการแผ่นดินจำเป็นจะต้องมีหน่วยงานมาดูแลทรัพยากรป่าไม้  จึงได้มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดูแล  และกระทรวงมอบให้กรมป่าไม้  ซึ่งกรมป่าไม้ได้มีผู้มีความรู้ความสามารถแบ่งแยกออกเป็น    กรม  ไม่รู้เกิดขึ้นได้อย่างไร  ถ้าเปรียบกรมป่าไม้เสมือนคนที่มีครบถ้วนของอวัยวะ  ๓๒  ประการ  จะแบ่งอย่างไรจึงจะสมดุล  ซึ่งเป็นไปได้ยากอยู่แล้ว  จะตัดระหว่างเอวเอาอวัยวะตั้งแต่เหนือสะดือขึ้นไปจนถึงศรีษะ  และจากใต้สะดือลงมาถึงเท้า  หรือผ่าครึ่งระหว่างจมูก  แยกร่างตาซ้าย  ออกจากตาขวาแขนขวา  ไม่ว่าจะแบ่งในลักษณะใดก็ทำงานไม่ได้  ปัจจุบันการแบ่งกรมป่าไม้โดยรวมได้แบ่งแยกป่าอนุรักษ์ออกจาป่าเศรษฐกิจ  ขนาดว่าเมื่อรวมกรมก็ว่ายุ่งอยู่แล้ว  มาแบ่งแยกอีกกลับยุ่งเป็นฝอยขัดหม้อ  อันเป็นเหตุให้กำลังพลแตกแยก  แบ่งพวกแบ่งเหล่า  เกี่ยงกันรับผิดชอบ  อ้างว่าป่าโน้นเป็นของกรมนั้น  กรมนี้  หาเอกภาพไม่ได้  เท่านี้ก็มองเห็นความล้มเหลวของงานอยู่ตรงหน้าแล้ว  และเมื่อมีมติคณะรัฐมนตรีให้รวมกรม  ผู้มีหน้าที่กลับเมินเฉยไม่รีบฉกฉวยโอกาส  เพื่อที่จะได้ทำให้การป้องกันรักษาป่าไม้  หรือที่ดินป่าไม้จัดการให้เรียบร้อยแล้วรีบวางยุทธศาสตร์กลยุทธ์แล้วบูรณาการร่วมมือร่วมแรงกันพิทักษ์รักษากันอย่างจริงจังเสียที  ฉะนั้นเรามาดูว่า  เมื่อมีการแบ่งแยกกรมแล้วผลที่ตามมาจะแย่ลงหรือดีขึ้น  จะขอวิเคราะห์จากประสบการณ์หาได้หมิ่นองค์กรหรือบุคคลใดก็หาไม่  เพียงแต่ได้อ่านครูนิด  วน.๔๓  ถักทอเรียงร้อยกลอนอักษรสาร  เรื่อง  ธรรมาภิบาลป่าไม้  แล้วชอบใจ  ขอแต่งเติมเสริมใส่ไม่ว่ากัน

                ประการแรก  เมื่อแบ่งกรมสิ่งที่เกิดขึ้นคือมีตำแหน่งระดับซี    ซี    และซี ๑๐  เพิ่มขึ้น  ส่วน  ซี ๑  ซี    ลดลง  ต่อไปสักระยะทุกคนเลื่อนระดับ  กลายเป็นว่า  ซี    ซี    มีจำนวนมาก  จากการจัดอัตรากำลังที่เป็นรูปสามเหลี่ยมแบบปิรามิดที่ฐานกว้าง  กลางเรียว  ยอดแหลม  จึงกลับเป็นฐานแหลม  กลางป่อง  ยอดแหลม  เป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน  ซึ่งตามหลักทางเรขาคณิตหรือหลักทางฟิสิกส์  รูปสามเหลี่ยมจะเป็นโครงสร้างที่แข็งแรงที่สุด  รูปสี่เหลี่ยมจะโย้ไปเย้มา  หาความแข็งแรงไม่ได้  ผิดทั้งตำราพิชัยยุทธ์ที่กำหนดว่า  ไพร่พลทหารต้องมาก  ขุนพลจะมีเพียงผู้เดียว  หากเปรียบกับหมากรุก  เบี้ยจะต้องมีมาก  ม้า  เรือโคนลดหลั่นลงไป  มีขุนเพียงตัวเดียว  ถ้าตั้งผิดจำนวน  ผิดตำแหน่งก็เล่นกันไม่ได้  ฉันใดก็ฉันนั้น  เมื่อการจัดอัตรากำลังผิดฝาผิดตัว  แล้วจะไปป้องกันรักษาป่าได้อย่างไร ?  จัดกำลังที่ผิดยังไม่พอ  ค่านิยมเปลี่ยนไป  จิตใจที่จะดูแลป้องกันรักษาป่ากลับหายใจเข้าออกเป็นการแสวงหา  ซี  และป้องกัน  ซี  หนักข้อไปอีกการ  เลื่อนระดับข้ามหัวกันไปกันมา  รุ่นน้องข้ามหัวรุ่นพี่ไม่รู้กี่รุ่น  บางคนเป็นเด็กที่เคยสอนร่างหนังสือสด ๆ ร้อน ๆ ไม่กี่ปีย้ายกลับมาเป็นนายเราเสียแล้ว  การไม่เชื่อมือหรือขาดการนับถือกัน  เป็นวิกฤตศรัทธาที่เป็นความหายนะขององค์กร  หากเปรียบเป็นทหาร  วันใดที่ขาดวินัย  จนเป็นวันที่พลทหารหันปากกระบอกปืนมาหานายร้อย  แล้วร้องว่า  “มึงดีแต่สั่ง  เดินไปข้างหน้าตายชัด ๆ มึงต้องนำ”  เท่านี้กองทัพก็ล่มสลาย  การบริหารงานบุคคลของกรมป่าไม้ในอดีตแม้จะไม่สมบูรณ์แต่เราสามารถรู้ได้ทันทีว่า  คนที่จะขึ้นเป็นป่าไม้เขตของเราเป็นใคร  ไม่ต้องรอดูคำสั่ง  หรือลุ้นกันแบบทุกวันนี้ในอดีตมีการเลื่อนตำแหน่งตามลำดับชั้น  จากประจำแผนกเป็นหัวหน้าแผนก  หากมีความสามารถและอาวุโสก็เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่าย  จากฝ่ายหากอาวุโสมีความสามารถได้เลื่อนเป็นผู้ช่วยเขต  และต่อไปเดาได้เลยว่าใครจะเป็นป่าไม้เขต  และแต่ละคนที่จะผ่านขึ้นมาเป็นผู้บริหารระดับเขตแต่ละท่านต้องผ่านงานในสำนักงานเกือบทุกงาน  ฝีมือของแต่ละท่านจึงจัดจ้านและเต็มไปด้วยความรู้งาน  เปรียบได้กับนักมวยที่มีอาวุธครบเครื่อง  หมัด  เท้า  เข่า  ศอก  การปฏิบัติงานจึงมีประสิทธิภาพมาก  งานก็กระจายได้ทำกันอย่างทั่วถึง  ทุกคนมีรายได้ใกล้เคียงกัน  ความอิจฉา  ริษยาอันเป็นกมลสันดานของมนุษย์ก็มีน้อย  จึงผลักดันให้ทุกคนมีความรักความสามัคคีมาก  เราไม่คาดหวังจะให้หน่วยงานสมบูรณ์เต็มร้อย  เหมือนในอุดมคติ  ขอเพียงสอบผ่าน  ๖๐  เปอร์เซ็นต์ก็พอแล้ว  แต่ปัจจุบันไปที่ไหนได้ยินแต่เรื่องผลประโยชน์กับตำแหน่ง  การร้องเรียน  หาที่จะคุยกันเรื่องงานในหน้าที่น้อยเต็มทน  ยิ่งแบ่งแยกกรมด้วยแล้วมุมมองของแต่ละคนก็ว่ากรมอุทยานฯได้หน่วยงาน  อัตรากำลัง  และงบประมาณมากกว่ากรมป่าไม้  ยิ่งทำให้ข้าราชการซึ่งเคยกินข้าวหม้อเดียวกันต้องหมางใจ เกี่ยงงานกัน  หน่วยป้องกันรักษาป่ามีมากมายไม่มีอัตรากำลังไปลง  ใช้พนักงานระดับ    ไปปฏิบัติงานคุมคนเดียว    ถึง    หน่วย  ทำเหมือนหัวหน้าเป็นนารายณ์สี่กร อวตาลมาเกิด  กรณีการลักลอบตัดไม้เพื่อส่งขายต่างประเทศที่การป้องกันไม่สัมฤทธิ์ผลเท่าที่ควร  สาเหตุหนึ่งก็มาจากสิ่งนี้   พอประสานหัวหน้าหน่วยป้องกัน หน่วยหนึ่ง  ลูกน้องบอกว่า  หัวหน้าไปอยู่อีกหน่วย  ตามกันไปตามกันมาหาไม่เจอ  คนเป็นหัวหน้าคงเบื่อและท้องแท้ใจ  ตัดสินใจนอนบ้านดีกว่า  การจับกุมดำเนินคดีก็ทำกันไปแบบโบราณ  ไม่มีการพัฒนาขึ้นเลย  ขอให้ได้จับเป็นคดี  ได้ตัวหรือไม่ได้ตัวไม่สำคัญ  เอาแต่ไม้อุปกรณ์การกระทำผิด  กับบันทึกการจับกุม  ๒-๓  แผ่น  กับแผนที่หยาบ ๆ ส่งให้พนักงานสอบสวนให้พนักงานสอบสวนสืบสวนเอาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป  พนักงานสอบสวนบางคนถึงกับเบื่อหน่ายพวกเราไม่ค่อยอยากทำคดี  เราไม่พยายามสืบสวนหรือหาเบาะแสของผู้ต้องหา  แม้แต่รูปพรรณสัณฐานก็ไม่ทราบ แล้วเราจะจับตัวผู้ต้องหาได้อย่างไร  พนักงานสอบสวนส่วนใหญ่ก็พอกัน  พอเชิญไปตรวจที่เกิดเหตุก็บ่ายเบี่ยง  ทั้งที่รู้ว่า  สถานที่เกิดเหตุนั้นคือสถานที่จะเสาะแสวงหาหลักฐานทางคดีได้มากยิ่งกว่าทางอื่นใด  ได้ซองบุหรี่  หรือขาดเปล่าน้ำดื่มชูกำลังสักขวดก็ยังดี  จะได้ชื่อเสียงมีชื่อว่า  “พนักงานสอบสวนสืบจากซอง”  คดีป่าไม้จึงอยู่นอกสายตา  มีทนายบางคนกล้าปรามาสว่า  คดีป่าไม้ถ้าผู้ต้องหากล้าสู้คดี  หลุดทุกราย  วิชาพวกนี้ข้าราชการในทั้งสองกรมมีคนดีคนเก่งก็มาก  แต่ไม่มีโอกาสได้ถ่ายทอดต่อ ๆ กัน  เพราะลูกน้องเอาแต่วิ่งเต้นตำแหน่ง  เลยไม่รู้จะโทษใคร  ปัญหาองค์กรและบุคลากรขอเกริ่นเพียงเท่านี้  แต่มันเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวชี้วัดว่าไม้พะยูงจะสูญสิ้นไปจากแผ่นดินไทย...หรือไม่ !!?

                ประการที่สอง  มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้หลายคนบ่นว่ากฎหมายป่าไม้มีโทษเบา  ทำให้ผู้ลักลอบตัดไม้พะยูงไม่เกรงกลัวสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่บางคนหรืออาจจะหลายคนยังเข้าใจผิด  เนื่องจากส่วนใหญ่จะจับไม้ไม่เน้นให้ได้ตัวผู้กระทำผิด  เพียงได้ไม้ และอุปกรณ์ในการกระทำผิด  เช่น  เลื่อย  ขวาน  ก็ถือว่าดีแล้ว  ขอให้ได้สถิติคดีมากเป็นพอ  และเมื่อส่งคดีแล้วก็หายหน้าไม่ยอมไปติดตามคดีที่ตนจับมา  แม้ปัจจุบันกรมจะพยายามมีระเบียบให้แต่งตั้ง  “ผู้รับผิดชอบคดี”  และ  “ผู้แทนคดี”  ก็หาพยายามปฏิบัติตามไม่  พอคดีใดที่ได้ตัวผู้ต้องหามาฟ้อง  แล้วศาลท่านลงโทษ ปรับ ๗,๐๐๐ – ๘,๐๐๐  บาท  ก็หาว่ากฎหมายป่าไม้มีโทษเบา  โดยที่ตนเองไม่เคยขอคัดสำเนาคำพิพากษามาศึกษาว่า  ทำไมศาลท่านถึงได้ลงโทษเพียงแค่ปรับ  ไม่มีโทษจำ  หรือว่าปรับทำไม้จึงปรับไม่แพง  เจ้าหน้าที่ของเรายังขาดทักษะในเรื่องเหล่านี้มาก  โทษทางป่าไม้ของเรามีตั้งแต่เบาไปหาหนัก  และหนักมาก  กรณีครอบครองไม้แปรรูปเกิน  ๒.๐๐  ลูกบาศก์เมตร  หรือไม้ท่อนเกิน  ๒๐  ท่อน  หรือปริมาตรเกิน  ๔.๐๐  ลูกบาศก์เมตร  มีโทษจำคุกตั้งแต่    ปี  ถึง  ๒๐  ปี  ปรับตั้งแต่  ๕,๐๐๐ – ๒๐๐,๐๐๐  บาท  นี้เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งของพ.ร.บ.ป่าไม้  ที่เราใช้อยู่มีถึง    ฉบับ  คนจับกุมควรศึกษาเรื่องบทลงโทษ  เวลาจับกุมจะได้พยายามทำให้ข้อเท็จจริงเข้ากฎหมายหลายบท  และต่างกรรมต่างวาระ  โดยการประสานงานกับพนักงานสอบสวนและอัยการ  แต่เราไม่เคยติดตามคดีมาศึกษา  บางคดีแพ้  ถูกฟ้องกลับพากันร้องโอดโอย  โทษโน้นโทษนี้ไม่เคยลงโทษตัวเอง  สุดท้ายก็บ่นว่าทำไปมีแต่เข้าตัว  ไม่ทำดีกว่า  พากันหมดกำลังใจเอาโดยไม่มีเหตุผล  การไม่พัฒนาในการสืบสวนดำเนินคดีของป่าไม้เรา  จึงเป็นจุดด้อยจุดหนึ่งที่ควรรีบทำการแก้ไข  ก่อนที่ทุกคนจะหมดกำลังใจ  จะทำให้เหลือแต่บุคลากรที่มีความต้องการ  “อยากเป็น  แต่ไม่อยากทำ”  พากันวิ่งเต้นให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งเป็นหัวหน้า  จะเป็นหัวหน้าอะไรก็ได้  ถ้าเป็นกรมป่าไม้  ก็อยากเป็นหัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า  แต่ไม่อยากออกป่า  ถ้าเป็นกรมอุทยานฯก็อยากเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ  หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า  หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำ  ฯลฯ  แต่โดยหลักการแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นหน่วยอะไร  งานหลักก็คือการป้องกันรักษาป่าไม้  หรือรักษาที่ดินป่าไม้ให้คงอยู่มาเป็นอันดับแรก  หากไม่มีป่าแล้วท่านหัวหน้าทั้งหลายจะไปบริหารจัดการอะไร  ฉะนั้นงานอันดับแรกของท่านคือต้องจับให้เป็น  พยัคฆ์ที่ไร้ซึ่งเขี้ยวเล็บจะมีอยู่แต่ในสวนสัตว์  ดังนั้นท่านต้องเป็นพยัคฆ์ในไพรพงให้ได้  แค่เบื้องต้นของการดำเนินคดีคือการเขียนบันทึกการจับกุม  คนที่อยากเป็นหัวหน้ายังเขียนไม่เป็นเลยก็มี  ต้องอาศัยลูกจ้างพนักงานพิทักษ์ป่า  หากพนักงานพิทักษ์ป่าไม่อยู่ก็ไม่ต้องทำงานในวันนั้น  ทั้ง ๆ ที่กรมก็ได้จัดให้มีการอบรมสืบสวนดำเนินคดีมาโดยตลอด  หากคิดว่าตนเองไม่รู้ควรสมัครเข้ารับการอบรมเพื่อพัฒนาตนเองเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นหัวหน้า  และควรจะได้มีการสอนต่อๆกันไป  เพราะต่อไปนี้หากจับไม้ที่มีจำนวนมากจะมีการสู้เกือบทุกคดี  เพราะไม้มีจำนวนมากจะมีโทษสูง...

                ประการที่สาม  การรายงานผลงานมีแต่รายงานว่า  จับกุมได้จำนวนคดีมากเท่าใด  ผู้ต้องหากี่คน  ได้ไม้ปริมาตรเท่าใด  มีอุปกรณ์ในการกระทำผิดเป็นอะไร  แทบจะไม่เคยเห็นหน่วยงานใดรายงานผลการดำเนินคดีของผู้ถูกจับว่า  ได้รับโทษเท่าใด  หนักหรือเบา  และที่จับผู้ต้องหาไม่ได้เนื่องจากอะไร  นี้ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่หนักพอที่ผู้ลักลอบจะเกรงกลัว  ประชาสัมพันธ์แต่การจับกุมว่าเป็นคดีรายใหญ่  แล้วก็เงียบหายไปเหมือนไฟไหม้ฟาง  ส่งบันทึกการจับกุมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็หายไป  ไม่มีการติดตามคดีแต่อย่างใด

                ในตอนต่อไปจะเล่าถึงการจับกุมและสู้คดีของผู้ต้องหาระดับนายทุน...


Last updated: 2014-03-02 16:03:45


@ พะยูงฤาจะสูญสิ้นแผ่นดินไทย (๔)
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ พะยูงฤาจะสูญสิ้นแผ่นดินไทย (๔)
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,194

Your IP-Address: 3.147.62.5/ Users: 
1,193