อย่าให้งานต้องรอการตัดสินใจของเรา
 
     
 
สำนักตักศิลาป่าไม้ ตอน เดินตามรอยแม่เสือ
ดูจากหน้าตาพวกเราอิดโรย จึงสั่งให้นำอาหารแจกกันกิน โดยถือว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ตามตำรายุทธสงคราม อาหารมื้อนี้แม้จะเป็นปลากระป๋อง ไข่ต้ม แจ้ว พริกน้ำปลา อาหารอันโอชะของพวกเรา...
 

….ปีใหม่สิ้นสุดไปแล้วหลายวัน  พวกเราหลายคนขออนุญาตไปเที่ยวปีใหม่  ใครไม่มีที่ไปยังอยู่  ส่วนใหญ่จะเป็นพวกมีครอบครัว  อยู่ที่นี้  บรรยากาศยามนี้เป็นฤดูหนาว  ไม้ต่าง ๆ  เริ่มทิ้งใบเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง  ธรรมชาติของต้นไม้เมื่อหาน้ำหล่อเลี้ยงไม่ได้จำเป็นต้องคายน้ำ  และการคายน้ำของต้นไม้นั้นจะคายทางใบ  เมื่อแล้งมากๆ  ไม่มีน้ำที่คายจำเป็นต้องทิ้งใบ  ไม้ในแถบพื้นที่ชายแดนของเราเป็นไม้ผลัดใบแทบทั้งสิ้น  เมื่อไม้ผลัดใบหมดทั้งป่าทำให้ดูแล้วอดเวทนาอาดูรไม่ได้  แต่ป่าไม้ถึงจะแห้งแล้งอย่างไรก็ตามมันหาทำให้เสน่ห์ของป่าสิ้นสุดไปก็หาไม่  เพราะไม้บางชนิดไม่ได้ผลัดใบทีเดียวทั้งต้น  เช่น  ไม้ยาง  เมื่อทิ้งใบแล้วเริ่มผลิใบใหม่เขียวสดใสยิ่งนัก  เดินเข้าไปในป่าได้ยินเสียงกรีดปีกของแมลง  เจ้าจั๊กจั่น  มันได้หารู้ถึงความแห้งแล้งไม่  มันทั้งส่งเสียงกระหึ่มดังระงมไปทั่วดุจดังบทเพลงแห่งท้องฟ้าที่หลุดลอยมาจากสรวงสวรรค์  ไพเราะยิ่งนัก…….

วันนี้ข้าพเจ้านัดหมายพวกเราโดยแจ้งว่าจะออกล่าเหยื่อ  น้อง    ที่บรรจุใหม่ต่างตื่นเต้นตาม ๆ กัน  แม่บ้านของอิทธิฤทธิ์ลุกขึ้นเตรียมอาหารเข้าป่าตั้งแต่ไก่โห่  อาหารก็ไม่มีอะไรพิเศษ  ข้าวเหนียวกระติบใหญ่  ต้มไข่  20  ฟอง  ปลากระป๋อง  10  กระป๋อง  ดูๆ ไปแล้วมันอนาถาจริงชีวิตนี้  แต่พวกเราชินเสียแล้ว  เวลาลำบากก็หนักสุดๆ  เวลาสบายทุกคนจึงพยายามตักตวงหาความสุขในเมืองอย่างเต็มคราบเลยทีเดียว  น้องใหม่ก็มีหนุ่มเจ้าสำอางก็คือเจ้าตุ้ย  วุฒิกุล งามปัญญา  เจ้าจ๊อด  สราวุธ  เจ้าสุมนฯ  ส่วนอีกคนเป็นพี่ของทั้งสามคน  ได้แก่  เจ้าหนุ่มเมืองกรุงจากบางกะปิ  ฉัตรชัย  ธาราภิบาล  นอกนั้นเป็นหัวหน้าหน่วยทั้งคู่  และพิทักษ์ป่าอีก  18  คนรวมสุทธิ  25  คนพอดี  ยานพาหนะปิกอัพ  2  คัน  มีเจ้าสิงห์ทะเลทรายไปด้วยค่อยเบาใจหน่อย  พอทุกคนขึ้นรถเรียบร้อยแล้วข้าพเจ้าให้สัญญาณออกศึกได้  รถเริ่มเคลื่อนพร้อมกำลังพล  เดินทางจุดมุ่งหมายป่าริมห้วยตึ๊กชู  ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยตึ๊กชู  กิ่งอำเภอภูสิงห์  จังหวัดศรีสะเกษ  ลำนำสายหลักของบ้านตะแบง  ต้นน้ำอยู่บนขุนเขาอันมีชี่อน่ารักว่า  พนมดงรัก  เป็นเทือกเขาที่ทอดยาวตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา  ซึ่งยังสมบูรณ์และเต็มไปด้วยหลากหลายทางชีวภาพ  ลำห้วยนี้มันถูกป่าบนขุนเขาอันเปรียบเสมือนฟองน้ำซึ่งได้ดูดซับน้ำในหน้าฝน และคอยปล่อยไหลรินมาตามทางของมันชั่วนาตาปี

โดยไม่มีวันหยุดไม่ว่าหน้าแล้งหรือหน้าฝน  มันคงทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อตรงที่สุดตราบใดที่ป่าขุนเขาพนมดงรักยังสมบูรณ์  และมันเป็นสายน้ำที่ไม่มีวันไหลกลับเสมือนเวลา  ที่ไม่มีวันย้อนกลับมาให้แก้ตัว  ฉะนั้นเราควรจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด  มันจะเป็นรากฐานให้อนาคตของเรามั่นคงยิ่งขึ้น  รถแล่นเข้าป่ามาจอดที่ปลายน้ำแล้ว  ได้ข่าวมาว่าแห่งนี้จะต้องถูกสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำ  และเป็นอ่างทางยุทธศาสตร์อีกด้วย  มองดูไปที่ห้วยเห็นปริมาณน้ำขณะนี้เหลือเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น  มันหาได้ใสเสมือนตาตั๊กแตนที่เคยเห็นในอดีตไม่  บัดนี้มันกลายเป็นสีนมขุ่นขลัก  เพราะเข้าฤดูแล้งแล้วห้วยตึ๊กชูแห่งนี้มันเป็นชื่อที่มาจากภาษาเขมรแปลว่าห้วยน้ำเปรี้ยวแต่ปัจจุบันมันได้หาเปรี้ยวดังชื่อไม่…คณะของพวกเรามาหยุดที่ริมห้วยเพราะต่างคนต่างเดินทางด้วยเท้ามาแล้วไม่น้อยกว่า  3  กิโลเมตร  เหนื่อยพอดูต่างหาที่พักตามร่มไม้  ควักกระติกน้ำออกมาดื่มดับกระหาย  พอได้น้ำและลมเย็นๆ  พัดผ่านมาต้องกายพละกำลังที่หดหายเริ่มกลับคืนมาเหมือนเดิม  กระปรี้กระเปล่าเหมือนกระดี่ได้น้ำไม่มีผิด  ความเหนื่อยทำให้ทุกคนสงบได้ยินแต่เสียงร้องแมลงกรีดปีกส่งเสียงระงมไปทั่วป่า  พลันทันใดก็ปรากฏเสียงดังมาจากทางด้านทิศตะวันออก  มันดังพอสมควร  “เอี๊อด  เอี๊อด  ..โครม ..”ชัดเลยเสียงไม้ล้มแน่นอน  ข้าพเจ้ารีบเอามือจุ๊ที่ปาก  ส่งสัญญาณให้พวกเราอยู่ในความสงบทุกคนเข้าใจสัญญาณดี  ต่างเงียบกริบไม่มีเสียงผู้ใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากเลย  บทเรียนบทแรกทุกคนสอบผ่าน  ข้าพเจ้ากวักมือเรียกอิทธิฤทธิ์  และไมตรี  มาหาข้าพเจ้าโดยเร็ว  ทั้งคู่เสมือนรู้ทางกันค่อยๆย่องโดยไม่ให้เกิดเสียงมาพบกันแล้วข้าพเจ้าได้อธิบายแผนการให้ทั้งสองฟัง  โดยแบ่งกำลังออกเป็นสามกลุ่มกระจายกำลังอย่างเงียบเข้าโอบล้อมที่เกิดเหตุซึ่งคาดว่าอยู่ห่างจากจุดที่เรานั่งไม่น่าจะเกินครึ่งกิโลเมตร  ทุกคนเมื่อทราบแผนรีบเดินทางกระทำตัวเสมือนปีศาจเร้นหายเข้าไปยังสุมทุมพุ่มไม้  สักครู่ทุกคนก็หายไปจากสายตา  สำหรับข้าพเจ้าเป็นกลุ่มที่  สี่  ครบพอดีเหนือ  ใต้  ออก  ตก  ไม่รอดแน่เจ้าขโมยที่รัก…

เราได้นัดแนะกันแล้วว่า  ถ้าใครหรือกลุ่มไหนเข้าใกล้จุดเกิดเหตุกะระยะทางได้ประมาณ  100  เมตร  ให้ส่งสัญญาณนกเขาขัน  สามครั้ง…  ในทันทีความคิดถึงคำนึงของข้าพเจ้าจะเตลิดฟุ้งซ่านไปกว่านี้ โสตประสาทได้ยินเสียง…จุ๊กกรู…!…..จุ๊กกรู…!…จุ๊กกรู…!…..ดังลอยละล่องมาตามสายลมดังพอสมควรเพราะทีมข้าพเจ้าอยู่ใต้ลม  ข้าพเจ้าเกรงว่าพวกเหนือลมจะไม่ได้ยินจึงได้ส่งสัญญานเป็นทอดๆ  สักครู่ข้าพเจ้า  เจ้าฉัตร  และเจ้าสุมนฯ  ย่องออกมาพ้นราวป่าพบพื้นที่เป็นเป็นไร่เก่าเนื้อที่ประมาณ  4  ไร่  บนครองจักษุมันบันทึกภาพตรงหน้าเห็นบุรุษสองคน  หนุ่มและวัยกลางคน  กำลังดึงเลื่อยตัดไม้ด้านปลายต้นอยู่อย่าง ขมักเขม้นโดยสมาธิอยู่ที่การรีบตัดไม้  เสียงเลื่อยตัดกินเนื้อไม้ดังแกร็กๆ  มันกลบเสียงกรอบของใบไม้แห้งที่พวกเราเหยียบย่องอย่าเบาที่สุด  พอทีมพวกเราออกจากราวป่ามายืนล้อมระยะประมาณ  50  เมตร ทั้งสองนายที่กำลังตัดไม้เริ่มรู้ตัวแล้วว่ามีอาคันตุกะมาเยือน  พอหันมามองเห็นพวกเรายืมล้อมไปหมดในตอนแรกทำท่าจะวิ่งหนี  สักครู่ต่างก็นั่งลงเพราะได้คิดแล้วว่าหนีไม่พ้นอาจเจ็บตัวอีกต่างหาก  ข้าพเจ้าจึงแสดงตัวให้ชายทั้งคู่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจการลักลอบตัดไม้  ชายทั้งคู่ยกมือไหว้ขอร้องให้ปล่อยตัวไปจะเอาไม้ไปก็ยอม ดูๆ  ไปก็น่าสงสารแต่เรามีหน้าที่จึงต้องตัดใจ  เจอมาแล้ว  เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด  จำจนวันตาย  จึงได้สั่งให้พวกเราควบคุมตัวไว้  การดำเนินคดีป่าไม้การควบคุมตัวผู้ต้องหาเป็นเรื่องสำคัญมาก อุตสาห์ไล่จับมากว่าจะได้แทบตาย  เวลาควบคุมตัวพวกเราประมาทไม่ดูแลหรือเกี่ยงกันว่าคนโน้นดูคนนี้ดูแล้ว  ทำให้ผู้ต้องหาวิ่งหนีไปได้หลายครั้งแล้ว  ดีแต่เป็นคดีไม่อุกฉกรรจ์มิฉะนั้นถูกสอบกันระนาว  ในป่าเช่นนี้การใส่กุญแจมือถือว่าไม่ได้ประจานผู้ต้องหา  ข้าพเจ้าจึงต้องป้องกันไว้ก่อน  เลยสั่งให้พวกเราใส่กุญแจมือทั้งสองคนและให้ดูแลให้ดี  อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย  และแล้วพวกเราทุกคนก็เข้าไปดูที่เกิดเหตุปรากฏว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ตัดต้นยาง  ขนาดวัดรอบโคน  150  เซนติเมตร  ใหญ่พอดู  แต่สำหรับไม้ยางแล้วเป็นไม้วัยรุ่นเท่านั้น  ยังไม่ถึงวัยฉกรรจ์  เพราะไม้ยางเป็นไม้ในตระกูลพญาไม้  ขนาดโตจริงๆ  สามสี่คนโอบแต่ชาวบ้านถ้าไม่มีเลื่อยโซ่ยนต์จะตัดไม้ขนาดนั้นไม่ได้  ที่พบเป็นเลื่อยธรรมดา  ด้านปลายถูกตัดเกือบขาดแล้ว  จึงสั่งให้พวกเราจัดการเลื่อยให้ขาดเพื่อชักลากจะได้ง่ายขึ้น  เมื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุละเอียดแล้ว  ขั้นตอนต่อไปก็ต้องจัดทำบันทึกการจับกุมแต่เห็นว่ามันบ่ายแล้ว

ดูจากหน้าตาพวกเราอิดโรย  จึงสั่งให้นำอาหารแจกกันกิน  โดยถือว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง  ตามตำรายุทธสงคราม  อาหารมื้อนี้แม้จะเป็นปลากระป๋อง  ไข่ต้ม  แจ้ว  พริกน้ำปลา  อาหารอันโอชะของพวกเรา  ข้าวแทบไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว  สงสารมดแดงคอยชะเง้อขอส่วนบุญอยู่  งวดนี้ฝากไว้ก่อนไอ้หนู  งวดหน้าจะนำมาฝาก  ได้แต่รำพึงในใจ….พอกินข้าวบ่ายเสร็จสิ้น  ล้างไม้ล้างมือดื่มน้ำกันอิ่มแล้ว  จึงได้เรียกเจ้าตุ้ยมา……

                “เฮ้ยตุ้ยไปตามเจ้าฉัตรฯ  มาพบหน่อยเอาเครื่องมือหากินมาด้วยนะ”

เครื่องมือหากินในที่นี้หมายถึงย่ามบรรจุกระดาษบันทึกที่เย็บกระดาษ  กระดาษก็อปปี้  และแผ่นพลาสติกรองเขียน

                “สุมนกับจ๊อดฯ วัดไม้  ตีตราให้เรียบร้อยไม่เข้าใจตรงไหนถามอิทธิฤทธิ์ฯ  เอาเอง  ผมจะคุมเจ้าฉัตรเขียนบันทึกการจับกุม  จำไว้นะนี้ของจริงแล้ว  อย่าลืมทำแผนที่เกิดเหตุมาด้วย  เสร็จแล้วเอามาให้ผมตรวจก่อน”

                “ไมตรีคุมตัวผู้ต้องหามาที่นั่งนี้จะได้สอบปากคำสะดวกหน่อย”

เมื่อสั่งการเสร็จแล้วจึงได้หาที่นั่งเหมาะ ๆ ป่ายามนี้สงบเยือกเย็นนัก  มองไปรอบๆ  เจอต้นเสลาต้นหนึ่งกำลังออกดอกสะพรั่งดอกสีม่วงเย็นตายิ่ง  มันทำให้จิตใจสงบลงได้ดีที่เดียวธรรมชาติจะสดสวยมากถ้าเราไม่ไปต่อสู้ทำลายมัน….ก่อนที่ภวังค์จะเลยเถิดไปรีบดึงจิตกลับมาตรง  .ปัจจุบันทันที….จึงสั่งเจ้าฉัตรพร้อมที่จะเขียนบันทึกการจับกุมแล้วหรือยัง….

                “ฉัตรฯ  คุณเขียนทั้งหมดก่อนถือเป็นร่างก็แล้วกันเสร็จแล้วผมจะมาตรวจให้”

ว่าแล้วข้าพเจ้าก็ลุกไปที่เจ้าสมุนฯ  ที่กำลังเขียนบริเวณที่เกิดเหตุอยู่พอดี  มนฯ  คุณเขียนอย่างไรก็ได้ให้พนักงานสอบสวน  เขาดูแล้วเข้าใจและถูกต้องมากที่สุด  เพราะตามหลักการดำเนินคดีแล้วพนักงานสอบสวนเขาจะต้องมาตรวจทำแผนที่เกิดเหตุด้วยตนเองแต่คดีของเราเขาอลุ่มอล่วย  เพราะมันอยู่ในป่าเข้าออกยาก  คุณเขียนเป็นสองแผ่นก็ได้  แผ่นที่หนึ่งวาดเป็นรูปล้มคาตอเลยก็ได้  ใครมีฝีมือทางวาดรูปเรียกมาใช้  แผ่นที่สอง  มาร์คจุดเกิดเหตุเป็นรูปดาวก็ได้ 

แต่ควรยึดโยง  เรียนมาแล้วไม่ใช่หรือรังวัดนะนำมาใช้  กรณีของเรามันใกล้ห้วยตึ๊กชู  โยงกับห้วยนี้แหละให้ใครก็ได้ไปวัดระยะจากห้วยมา  พยายามโยงจากก้อนหินใหญ่ในห้วยนะแล้วใช้เข็มทิศจับมุมโดยประมาณด้วย  “เจ้าตุ้ย  คำนวณปริมาตรไม้จะใช้สูตรคณิตศาสตร์หรือตารางปริมาตรไม้ก็ได้  แต่ให้หมายเหตุด้วยว่าใช้วิธีใดในการคำนวณจะได้ไม่มีการถกเถียงในภายหลัง”

…เสร็จจากเจ้าสองคนแล้วจึงได้เดินทางดิ่งไปยังเจ้าฉัตรและเจ้าจ๊อดที่กำลังปล้ำกับบันทึกการจับกุม  เพราะลืมสั่งสาระสำคัญไว้  แต่ไม่เป็นไรมันเป็นร่าง  แก้ไขทีหลังได้และเวลาก็เหลือเฟื้อ

                “ฉัตรฯคุณเขียนอย่างไรก็ได้ให้คนอ่านเขามองเห็นภาพและทุกอย่างต้องเป็นธรรมชาติห้ามแต่งเดิมความจริงเด็ดขาด  เวลาเขาสู้คดีจะได้พูดตรงกัน”   …..ว่าแล้วข้าพเจ้าก็เดินไปที่ต้นยางที่ล้มอยู่บอกกับอิทธิฤทธิ์ให้หาทางจัดการเอาไม้ขึ้นรถโดยใช้วิธีเอาด้านหัวขึ้นท้ายรถสิงห์ทะเลทรายของเราและเอาด้านท้ายยกใส่รถพ่วง  2 ล้อที่เราเรียกรถสาลี่  แล้วค่อยลากออกจากป่าไป  เราจะทิ้งของกลางไว้ในป่าไม่ได้อันตราย  อาจถูกแอบมาเผาทิ้งได้  ขาดของกลางก็ฟ้องไม่ได้  เสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปยังฉัตรถามว่าบันทึกเสร็จหรือยังได้รับคำตอบเรียบร้อยแล้วส่งให้ข้าพเจ้าตรวจ  ข้าพเจ้าหยิบขึ้นอ่านประมาณ  20 นาที  จึงบอกเจ้าฉัตรฯ ว่า……

                “ฉัตรฯ คุณหากระดาษมาแผ่นหนึ่ง  จดข้อที่ต้องแต่งเติมเข้าไปเพื่อความสมบูรณ์คุณเขียนมาดีทีเดียว  แต่ยังไม่รัดกุมพอ  ถ้าเขาสู้คดีจะยุ่ง  เอาข้อแรกคุณอยากจะให้ใครร่วมจับกุมเพิ่มเติมกับทีมเราอีกไหม”  ?!

                “ผมไม่ต้องการหรอกหัวหน้าเพราะพวกเราก็มากพอแล้ว”

                “ถ้าอย่างนั้นคุณต้องเขียนพวกเราทุกคนพร้อมตำแหน่งด้วยในตอนต้น  อย่าใช้คำว่า  “บรรดาเจ้าหน้าที่ตามรายชื่อและตำแหน่งข้างท้ายบันทึกนี้”  เพราะถ้าคุณเขียนอย่างนี้จะมีเจ้าหน้าที่อื่นมาขอเซ็นชื่อจับต่อท้ายเพื่อเอาผลงานมันไม่ยุติธรรมเลย และถ้ามีการสู้คดี เขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์ถ้าศาลสั่งให้เป็นพยานจะเสียเรื่องเปล่า  เอาตามนี้นะข้อที่สอง  การสอบผู้ต้องหา  ถ้าไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน  ให้บรรยายตำหนิรูปพรรณสัญฐาน  เช่น 

มีแผลเป็นที่ใด  ฟันถูกถอนไปบ้างหรือไม่นิ้วขาด  ขาด้วน  ขาเป๋  สำหรับชื่อที่อยู่ผู้ต้องหาอาจโกหกได้  เพราะพอไปถึงตำรวจ  ญาติก็มาประกันตัวออกไปแม้เราจะถ่ายรูปไว้แต่เราจับหลายคดีเหลือเกินต่อไปจะจำผู้ต้องหาไม่ได้  สูงต่ำ  ดำขาวใส่ให้หมด  และไม่ต้องคาดคั้นผู้ต้องหาให้รับสารภาพตามใจเขา  ในระบบกล่าวโทษเรามีหน้าที่หาหลักฐานมัดผู้ต้องหา  ศาลถึงจะเชื่อ  ข้อที่สาม  เจ้าสำนวน ตรวจสอบแล้วไม้ไม่เคยประกอบเป็นสิ่งปลูกสร้างมาก่อน  ตัดออกได้  ไม้มันล้มคาตอมันจะเดินไปประกอบเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ไหน  นอกนั้นตามที่สอน  คุณเขียนได้ดีทีเดียวเป็นอย่างไรจ๊อดเอาตามนี้นะ”

                “ครับหัวหน้าผมคิดไม่ถึง  เช่น  เดียวกับพี่ฉัตร”

ว่าแล้วข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นยืนเดินมุ่งหน้าไปดูเขาขนไม้ขึ้นรถ  ไปถึงยังเห็นไม้นอนอยู่กับพื้นไม่ขยับเขยื้อน  อิทธิฤทธิ์เดินมาหาข้าพเจ้ารีบรายงานทันที…..

                “พี่ทศครับ  ไม้สดมันหนักจริงไม่ขยับเลย”

ข้าพเจ้านึกในใจขนาดอิทธิฤทธิ์ซึ่งมีประสบการณ์สูงมากในเรื่องนี้ยังเอาไม้ขึ้นรถไม่ได้จะทำอย่างไรดี  เราน่าจะลองใหม่คนของเราก็มากพอตั้งเกือบยี่สิบคน  ผมเลยสั่งการใหม่….

                “พวกเราลองอีกทีซิ  เข้าสองข้างไม้มันยาวตั้ง  10  เมตร  ต้องข้างละ  8  คน  เอามือช้อนลงไปใต้ไม้แล้วผมจะให้สัญญาณ  พร้อมกันนะสามัคคีคือพลังจำไว้ผมจะนับหนึ่งถึงสามยกพร้อมกันให้พร้อมเพียง  เอ๊า….หนึ่ง..สอง..สาม  ! เอ๊าเฮ”

ให้ตายเถอะไม้ท่อนนี้ขยับนิดเดียว  ข้าพเจ้าเริ่มตั้งขอสังเกตอาจออกแรงไม่เต็มที่และไม่พร้อมเป็นหนึ่งเดียวกันจึงสั่งให้ลองใหม่อีกครั้ง……

                “พวกเราผมขออีกครั้งเอาหายใจเข้าปอดลึก  พร้อมแล้วนะ  สู้โว้ย!! ”

สิ้นเสียงของข้าพเจ้าทุกคนต่างร้องพร้อมกันออกแรงกันเต็มสูบ  พระเจ้าช่วย  ไม้มันหากระดิกแม้แต่น้อยไม่  อย่าว่าแต่จะยกขึ้นรถ  โฟร์วีลซึ่งปรกติสูงกว่ารถธรรมดาเกือบฟุต  แต่นี้ไม้มันหาขยับไม่  เอาละซิเกิดปัญหาแล้วจะทำอย่างไรดี  ใกล้ค่ำเต็มทนแล้วเอาไม้ออกไม่ได้ยุ่งแน่ต้องมีการเฝ้าไม้  นี่มันในป่าไม่ใช่ในเมือง  อันตรายรอบด้าน  สมองเริ่มว้าวุ่นอีกแล้วในฐานะหัวหน้า  ทันทีที่ความคิดเกือบจะหมดหวังแล้วความคิดอย่างหนึ่งมันแว๊บเข้ามาในหัวของผู้อาวุธโสที่สมองมีรอยหยักเต็มไปหมด  คนตัดไม้สองคนยังเอาไม้ออกไปได้  แล้วเราตั้งมากมาย  เช่นนี้ทำไมจะเอาออกไม่ได้  แม้ว่าคนตัดไม้จะสามารถตัดทอนไม้ได้  แต่เราไม่สามารถตัดทอนได้เนื่องจะผิดข้อเท็จจริงมันเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปพรรณสัญฐานของไม้ในทางคดีมันทำไม่ได้  พอสติมา  ปัญญาเริ่มเกิดจึงได้ตะโกนพวกเราที่ยืนล้อมไม้กันอยู่   ว่า…..

                “พวกเราตอนที่ยังไม่ได้มาทำงานที่นี้  ใครเคยขโมยไม้บ้าง  ไม่ต้องกลัวหัวหน้าต้องการความช่วยเหลือให้ยกมือขึ้น”

ทันทีที่สิ้นเสียงมีราษฎรพิทักษ์ป่า  2  นาย  ยกมือขึ้น  ข้าพเจ้าบอกว่าไม่ถามวิธีจะทำอย่างไรให้จัดการและแล้วทั้งสองนายก็ขออนุญาตเอารถวิ่งออกไปในหมู่บ้าน  ประมาณ  1  ชั่วโมง  เห็นรถวิ่งฝุ่นตลบกลับมาบนรถมีรถเข็น  2  คัน เป็นรถชาวบ้านทำด้วยไม้ขันน๊อตแข็งแรงพอสมควรเดินเข้าไปดูยางของแต่ละคันถูกสูบจนเต็มพิกัด  ว่าแล้วพวกเราช่วยกันยกรถเข็นลงจากรถสิงห์ทะเลซึ่งตอนนี้แผลงฤทธิ์ไม่ออก  ได้แต่เป็นผู้ช่วย  ก็ยังดีถ้าไม่มีมันก็คงยุ่งอีกเหมือนกัน  ทั้งสองนายทหารอาสา  สั่งให้พวกเราช่วยกลิ้งไม้ออกให้พ้นจากตอ  แล้วนำรถเข็นคันที่หนึ่งสอดเข้าไปทางหัวไม้  ตัดไม้โตขนาดหน้าแข้งมา  2  ต้น  สอดไปที่ใต้หัวไม้  หาเศษไม้ท่อนโตขนาดเดียวกันมารองห่างจากหัวปลายไม้งัดประมาณหนึ่งฟุต  แล้วพวกเราสองสามคนโหนปลายไม้ทั้งสองด้าน  ทันใดนั้นปรากฏว่าหัวไม้อันหนักอึ้งค่อยๆลอยขึ้น  พวกเราที่เหลือ  ไสรถเข็นเข้าไปจนสุด  ข้าพเจ้าไม่ประหลาดใจเลยลืมสนิทเป็นการใช้หลักวิชาฟิสิกส์ขั้นพื้นฐานธรรมดา  คานดีดคานงัดนั้นเอง  และแล้วไม่ถึง  20  นาที  ด้านปลายไม้ก็ขึ้นไปอยู่บนรถเข็นอีกคันเรียบร้อยทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก

“พวกเราตบมือให้สองผู้กล้าหน่อย”

เสียงตบมือเกรียวกราวแสดงให้เห็นถึงความสมัครสมานสามัคคี  ปัญหาทุกอย่างแก้ได้ถ้าใจสู้เสียอย่างเดียว  เมื่อพวกเราลงลายมือชื่อในบันทึกการจับกุมเรียบร้อยทุกคนแล้ว  ก็ช่วยกันลากจูง

เจ้าไม้จอมปัญหาไปอย่างสบายใจไม่เร่งรีบ  ค่อยลัดเลาะไปตามทางเกวียน  กว่าจะออกจากที่เกิดเหตุได้ก็เป็นเวลาประมาณ  5  โมงเย็น  มองไปบนท้องฟ้าเห็นสารถีขององค์สุริยะเทพชักรถม้ามุ่งไปสู่ทิศประจิม  รัตติกาลเริ่มเคลือบคลานเข้ามาแทนพอพวกเราถึงหน่วยก็ได้มอบให้เจ้าฉัตรนำบันทึกการจับกุมไปลงประจำวันที่  สถานีตำรวจภูธรอำเภอขุขันธ์….

                คืนนี้กว่าจะหลับตาลงได้ต้องสงบสติจิตใจพอสมควร  ลูกเริ่มล่าเหยื่อได้แล้วแม่เสือย่อมภูมิใจฉันใดข้าพเจ้าขณะนี้ก็มีความรู้สึกเช่นนั้น………!?


Last updated: 2014-02-22 09:54:57


@ สำนักตักศิลาป่าไม้ ตอน เดินตามรอยแม่เสือ
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ สำนักตักศิลาป่าไม้ ตอน เดินตามรอยแม่เสือ
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,112

Your IP-Address: 3.17.181.122/ Users: 
1,111