ทศ ! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ตำรวจเขาแจ้งความพวกเราว่าบุกรุกเคหสถาน และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยกระทำการไม่ตรงตามความเป็นจริง ว่าแล้วพี่ชัยพรก็ยื่นสำเนาประจำวันที่ขอคัดจากพนักงานสอบสวน โดยมีจ่าคนที่ไปถ่ายรูปเป็นคนรับรองสำเนา ผมอ่านแล้วอึ้งทันทีที่นึกแล้วไม่ผิด โดนจนได้ เป็นการดัดหลังกันชนิดถ้าเป็นการต่อสู่ก็เป็นการเชือดกันอย่างนิ่ม ๆ เลือดเย็นจริง.........!!!
ผมว่าพี่ควรไปพบสารวัตรใหญ่ขอร้องเผื่อท่านจะช่วยได้
ผมแนะพี่ชัยพร เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วตอนนี้คิดอะไรไม่ออก พี่ชัยพรก็ไม่รอช้าขึ้นไป ที่ทำการอีกครั้งโดยขอพบสารวัตรใหญ่ได้พบสมใจนึกเข้าไปนานพอสมควร จึงเห็นพี่แกเดินเหม่อลอยออกมามือหนึ่งถือกระดาษสำเนาบันทึกการลงประจำวันที่ให้ข้าพเจ้าดูออกมาด้วย แต่ที่ผิดแปลกไปคือมองไปที่สีหน้าปรากฎว่าพบน้ำไหลเป็นทางออกมาจากดวงตาที่เศร้าสร้อย มันเป็นน้ำตาของลูกผู้ชายที่นาน ๆ จะได้พบสักทีจากใครก็ได้ มันเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเป็นสิ่งบอกเหตุร้ายแรงอย่างแน่นอน............!!?
ทศ พวกเราเห็นจะแย่แล้ว ทางตำรวจแจ้งจับเราในฐานบุกรุกเคหสถาน และเป็น เจ้าพนักงานเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ที่ทศเคยบอกจริง ๆ
พี่ชัยพรฯพูดกับผมด้วยเสียงสั่นเครือ พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาไปพร้อม ๆ กันอย่างที่ไม่อายพวกเราเลย ข้าพเจ้าคิดว่าพี่แกคงสะเทือนใจมากมิฉะนั้นน้ำตาลูกผู้ชายคงจะไม่มีโอกาสเล็ดลอดออกจากตาเด็ดขาด ข้าพเจ้าจึงได้ปลอบแก......
พี่ครับมันเป็นไปได้อย่างไร เราช่วยเขาแท้ ๆ กลับต้องมาตกเป็นผู้ต้องหา ?
นั่นซิทศ ผมไม่เข้าใจเลย เขาหาว่าเราไม่ไว้หน้าเขา เขาขอแล้วแค่นี้ช่วยไม่ได้
แล้วพี่ไม่ได้อธิบายให้เขาเข้าใจหรือว่า เราไม่จับอาจจะถูกร้องเรียนว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกัน และอาจจะถูกตั้งกรรมการสอบ อาจถึงออกจากราชการ ทางตำรวจเพียงเสียไม้อย่างเดียว พูดตรง ๆ จะเลื่อยใหม่อีกเมื่อไหร่ก็ได้
ผมอธิบายหมดแล้วทั้งยกมือไหว้ขอร้องอีกทั้ง ๆ ที่เขาอาวุโสน้อยกว่าผม
ทางตำรวจเขาสอบพี่เลยใช่ไหม และพี่ได้เซ็นชื่ออะไรกับตำรวจหรือเปล่า
ผมอดห่วงไม่ได้เกรงว่าตำรวจจะบังคับสอบสวนพี่แกแล้วให้เซ็นต์คำให้การซึ่งจะไม่เป็นการดีเป็นแน่
ผมไม่ได้ทำอะไรนอกจากขอคัดสำเนาประจำวันที่เขาลงไว้มาดูและไว้ปรึกษากับทศ ก่อน
ดีแล้วพี่ที่ยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวน ผมว่าเราเข้าจังหวัดไปปรึกษาป่าไม้จังหวัดดีกว่า
ผมเสนอทางออกให้พี่ชัยพรฯตอนนี้เหมือนซากศพเดินได้ รู้สึกจะอ่อนแรงหมดอาลัยตายอยาก.....
เอายังไงเอากัน ทศ พี่ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้วขอสงบจิตสงบใจก่อน
ข้าพเจ้าจึงเรียกรถ เมื่อขึ้นรถกันพร้อมแล้วออกเดินทางเข้าไปสำนักงานป่าไม้จังหวัด ซึ่งตั้งอยู่ข้างร้านอาหารชื่อดังแป๊ะตี๋ในปัจจุบัน ปรากฏว่าป่าไม้จังหวัดไม่อยู่ไปราชการกรุงเทพฯ ประชุมอีกหลายวันถึงจะกลับ อยู่แต่ผู้ช่วยป่าไม้จังหวัด พี่ไพรัชฯอายุอานามจะมากกว่าพี่ชัยพรสัก 2 3 ปี ผมกับพี่ชัยพรฯ ได้เข้าไปคุยกับ พี่ไพรัชที่ห้องทั้งสองคน พี่ชัยพรซึ่งเป็นคนช่างพูดอยู่แล้วได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พี่ไพรัชฯ ฟังจนหมดสิ้น พี่ไพรัชฯตั้งใจฟังเป็นพิเศษ แต่ไม่ได้ตำหนิพวกเราแต่อย่างใดได้แต่บอกว่า.........
พี่ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วนะ พี่ว่าเราไปพบท่านผู้กำกับดีกว่า แล้วพี่จะพาไปพรุ่งนี้ให้คุณทศและคุณชัยพรฯ มาพบพี่ที่สำนักงานป่าไม้จังหวัดตอนเก้าโมงเช้านะพี่จะรอ แล้วตอนนี้พวกเราพักกันที่ไหนละ?
พวกเราพักกันที่บ้านป่าไม้อำเภอ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พรุ่งนี้พบกันก็แล้วกัน ผมลาก่อน
พี่ไพรัชฯ ผู้ช่วยป่าไม้จังหวัดท่านท่าทางเป็นคนใจดีและเอื้ออาธรณ์พวกเดียวกันต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย พวกเราพอเดินทางกลับมาถึงบ้านป่าไม้อำเภอต่างอาบน้ำทานอาหารที่ป่าไม้อำเภอเตรียมไว้ให้เสร็จแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไปนอนในห้องที่ป่าไม้อำเภอจัดไว้ให้ ข้าพเจ้าจับคู่กับดวงแสง ในสมัยนั้นยังไม่มีไฟฟ้าต้องจุดตะเกียงน้ำมันก๊าด ซึ่งมันให้แสงริบหรี่ถ้าเราไม่มีเรื่องต้องกังวลใจมันคงเป็นบรรยากาศที่น่าภิรมย์ยิ่ง แต่คืนนี้มันกลับตรงข้ามหัวหนุนหมอนแทนที่จะนอนหลับด้วยความรวดเร็วเนื่องจากเหนื่อยมาทั้งวันแต่มันกลับตรงกันข้าม ดวงตายังเบิกโพลงอยู่ท่ามกลางแสงริบหรี่ของตะเกียง หันไปดูดวงแสง ก็ปรากฎอริยาบทเช่นเดียวกับข้าพเจ้า หมอนอนลืมตาโพลงแถมเอามือก่ายหน้าผากเหมือนคนอมทุกข์หนัก มันน่าจะเป็นเช่นนั้นใครจะมาใจเย็นได้ขาข้างหนึ่งมันเข้าไปอยู่ในคุกในตารางแล้ว เมื่อข้าพเจ้าพลิกหน้าไปดูดวงแสง ไอ้หนุ่มป่าไม้จัตวาก็อดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากกระทู้ถามข้าพเจ้า.................?
พี่ทศครับพี่คิดว่าพวกเราจะถูกไล่ออกราชการไหมพี่ ถ้าต้องออกผมแย่เลย แม่หวังไว้ที่ผมคนเดียวตอนนี้ต้องส่งน้องเรียนหนังสืออยู่ด้วย แย่เลย
ดวงแสงอดรนทนไม่ไหวจึงได้ถามข้าพเจ้าเนื่องจากมีความกังวลอันเป็นความเครียดของพวกเราทุกคนในตอนนั้น ใครบ้างละจะไม่กลัวทั้งตกงานเสียอนาคต แม้แต่ข้าพเจ้าเองก็อดใจหายไม่ได้ ไม่น่าเอาชื่อมาทิ้งที่นี้เลยใจแข็งกว่านี้สักนิดเรื่องก็ไม่เกิด แต่มาคิดไปทำไมมันผ่านไปแล้วตั้งสติหาทางแก้ดีกว่า มันต้องมีทางออกบ้างละน่า เมื่อคิดได้จึงปลอบน้อง ๆ ไปตามสถานการณ์.............
พี่ว่าดวงแสงอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ดีกว่าพี่คิดว่ามันคงไม่หนักจนแก้ไม่ได้ พรุ่งนี้ก็รู้ ทำใจ นอนเอาแรงไว้ต่อสู้วันพรุ่งนี้ดีกว่า
ว่าแล้วข้าพเจ้าก็หันหลังให้ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดที่ลำคอกันอากาศหนาวในตอนเช้า พยายามข่มใจ และข่มตาให้หลับกว่าจะหลับได้ก็ได้ยินเสียงระฆัง ซึ่งยามของที่ว่าการอำเภอตีบอกเวลาเที่ยงคืน ได้ยินเสียงกรนเบามาจากที่นอนของดวงแสงผู้น่าสงสาร.......!!
เช้าตื่นขึ้นมาประมาณ 07.00 น. อาบน้ำแต่งตัวลงจากบนบ้านมาที่รถ ปรากฎว่าพวกเราพร้อมกันหมดทุกคนแสดงว่าเมื่อคืนคงนอนไม่เต็มที่นัก ป่าไม้อำเภอพาพวกเราไปกินอาหารเช้าที่ร้านหนึ่งเดียวในอำเภอ อยู่ข้างอำเภอด้านทิศเหนือเป็นร้านกาแฟ พวกเราส่วนใหญ่ขอกาแฟถ้วยพร้อมปาท่องโก๋ เอาเป็นว่าให้อิ่มท้อง ไปก่อน ลิ้นมันชาไม่รู้สึกอยากอะไร เพราะเรื่องใหญ่รออยู่ข้างหน้า พออิ่มกันทั่วหน้าแล้วพากันขึ้นรถมุ่งสู่ตัวเมืองสุรินทร์ทันทีเป้าหมายสำนักงานป่าไม้จังหวัด พอไปถึงพี่ไพรัชรออยู่ก่อนแล้ว เลยรับพี่ขึ้นรถไปด้วยกันเรามุ่งหน้าไปสถานีตำรวจอำเภอเมืองสุรินทร์อันเป็นที่ตั้งของกองกำกับฯ พี่ไพรัชฯ ลงจากรถจูงมือ พี่ชัยพรขึ้นไปบนกองกำกับฯ ขอพบผู้กำกับได้รับคำตอบจากนายเวรว่าผู้กำกับไม่อยู่ติดราชการประชุมที่ กรมตำรวจ ข้าพเจ้าซึ่งได้เดินขึ้นตามไปห่าง ๆ คนเดียวมองเห็นสีหน้าของพี่ชัยพรซึ่งขาวอยู่แล้วบัดนี้กลับซีดลงถนัดใจ แต่พี่ไพรัชไม่รอช้ารีบพาพี่ชัยพรไปพบรองผู้กำกับหลักจากทราบจากนายเวรว่ารักษาราชการแทนอยู่ ปรากฎว่าท่านอยู่สมใจนึกทั้งคู่หายไปในห้องของรองฯ จับเวลาได้สองชั่วโมง จึงเห็นพี่ไพรัชฯและพี่ชัยพรฯเดินออกมา โดยมีท่านรองเดินออกมาส่ง สีหน้าของพี่ชัยพรเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นบ้างแล้ว พอเจอข้าพเจ้ารีบเล่าแจ้งแถลงไขทันที..........!!
ทศ! ผมว่าเราน่าจะมีหวังนะ ท่านรองท่านมีเมตตามาก ท่านไม่รับปากว่าจะสำเร็จหรือไม่เพราะ ไม่อยากก้าวก่าย คดีใครคดีมัน ประเพณีตำรวจเขาไม่ยุ่งกัน
ข้าพเจ้าพอได้ยินดังนั้นค่อยใจชื้นขึ้นมาบ้าง แต่ความที่ทำงานทางด้านนี้มาพอสมควรแล้วอดที่ไว้ใจใครไม่ได้ มันระแวงไปเสียหมด........
ท่านรองบอกว่าให้พวกเรารอฟังผลพรุ่งนี้ตอนบ่ายให้มาพบท่านที่ห้องประมาณบ่ายสองโมงให้พวกเราไปปฏิบัติงานต่อได้ ไม่ต้องกังวล
ใครจะมีกระจิตกระใจทำงานทุกคนพากันกลับหน่วยป้องกันรักษาป่าอำเภอปราสาท พักมันเสียหนึ่งวันคงไม่ทำให้ชาติล้มละลายเป็นแน่ ความเห็นแก่ตัวเริ่มมาเยือนตามสันดานของมนุษย์.....มาถึงหน่วยแล้วเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านจึงชวนภารโรงปลูกต้นไม้แก้ขัด บางคนก็นอนพักเอาแรง บ้างก็ไปซื้อของที่ตลาดตอนเย็น มีการกินอาหารกันแบบข้าวกล่อง โชคดีพี่ชัยพรไม่ดื่มสุราพวกเราเลยไม่กล้าเพราะกำลังอยู่ระหว่างหน้าสิ่วหน้าขวานรอแต่จะให้ถึงพรุ่งนี้เร่งเวลาให้ถึงเร็ว.............
.............ตื่นเกือบหกโมงเช้าแต่ดูมันสว่างไสวยังกับที่เขาเรียกว่าฟ้าแจ้งจางปาง เพราะหน่วยฯ ดันมาตั้งอยู่กลางทุ่งนาต้นไม้สักต้นก็ไม่มีห้องนอนก็อนาถาม่านก็ไม่มี ที่นอนหมอนมุ้ง เท่านั้นที่เป็นสมบัติในตอนนั้น สหพรรคพวกก็ตื่นกันหมดแล้วสี่ชีวิตถ้าไม่รวมภารโรง เพื่อไม่ให้ยุ่งยากในเรื่องการกินจึงแห่กันเข้าตลาดสดเช่นเคยกาแฟกับปาท่องโก๋ อะไร......อะไรมันก็ขมุกขมัวไปหมดไม่สดชื่นเลย จิตเศร้า กายก็หดหู่ไปด้วย ตามหลักที่เขาว่าใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ไม่ผิดเพี้ยนเลย เพิ่งมาเจอเอาตอนนี้แหละ ทั้งที่เลยวันเบญจเพสมาแล้ว........เพื่อเป็นการฆ่าเวลาข้าพเจ้าจึงชวนพี่ชัยพรฯให้ไปรู้จักกับพี่ใจ ทองสมบัติ ป่าไม้อำเภอปราสาท พี่ใจพอรับฟังเรื่องราวของเราทั้งหมดถึงกับอึ้งไปเลย และกล่าวตำหนิป่าไม้อำเภอสังขะซึ่งข้าพเจ้าขอร้องไว้ว่าไม่ใช่ความผิดของใครทั้งสิ้นมันเป็นกรรมลิขิตมากกว่า เมื่อถึงเวลาเที่ยงพี่ใจพาพวกเราไปเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวไก่ลือชื่อของอำเภอ สำหรับข้าพเจ้าแล้ววันนี้ไม่รู้เป็นอย่างไรลิ้นปราศจากรสชาติ แต่ก็เอาจนอิ่มเติมพลังไว้ก่อน พอได้เวลา 13.00 น. ตรงพวกเราพากันขึ้นรถร่ำลาพี่ใจแล้วบอกสารถีให้นำเรามุ่งสู่จุดหมายกองกำกับฯ แต่ก็ไม่ลืมแวะรับพี่ไพรัชฯ ฟางเส้นสุดท้ายของเรา..........!
.............พอถึงกองกำกับฯ พี่ไพรัชฯ และพี่ชัยพรฯ ได้พากันเดินขึ้นไปชั้นบนของกองกำกับสำหรับข้าพเจ้านั้นนั่งรออยู่ชั้นล่าง คุยกับสิบเวรฯฆ่าเวลาไปพลาง ๆ ก่อน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เห็นพี่ไพรัชฯและพี่ชัยพรฯเดินลงบันไดมาสำหรับพี่ไพรัชฯนั้นดูไม่ออกแต่พี่ชัยพรนั้นยิ้มร่าพุ่งกระเพื่อมเดินลงมาอย่างสง่าผ่าเผย ทำเอาข้าพเจ้าพลอยสดชื่นไปด้วยทั้งที่ยังไม่รู้ข่าวว่าเป็นอย่างไร พอพี่ชัยพรฯมองเห็นข้าพเจ้าตะโกนเรียก เอะอะโวยวายโดยไม่อายใคร ณ ที่นั้นเลย.............
เฮ! ทศ เรารอดแล้วท่านช่วยเราได้จริง ๆ ผมจะไม่ลืมบุญคุณท่านเลย
พอได้ยินเพียงเท่านั้นมันทำให้หัวใจของข้าพเจ้าพองโตขึ้นมาทันที ไอ้ที่เคยคิดไว้ในทางร้าย สลายไปสิ้น ไม่รอช้าเดินลงจากที่ทำการไปยังรถของพวกเราเล่าเรื่องให้พวกเราฟังคร่าวๆว่าปัญหาทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว คนที่ดีใจมากอีกคนได้แก่ดวงแสง คราวนี้คงฝันดีเสียที พอพี่ชัยพรมาถึงรถบอกให้พาพวกเราไปหาอาหารรองท้อง เพราะพี่แกบอกว่ากองทัพเดินด้วยท้องข้าพเจ้าเห็นด้วยทันทีเพราะกำลังหิวอยู่พอดีเพราะเมื่อตอนเช้ามัวแต่กังวล เลยกินอาหารไม่อร่อย เที่ยงนี้ต้องเรียกทุนคืน พอไปถึงร้านอาหารพี่ชัยพรเริ่มเล่า เรื่องที่ไปพบท่านรองผู้กำกับว่า................
ท่านใจดีจริง และเป็นบุคคลที่ยุติธรรมมาก ผิดจากตำรวจรายอื่นที่ผมเคยพบมา ท่านบอกผมสั้น ๆ ว่า สบายใจได้แล้วนะ ผมจัดการให้แล้ว ต่อไปต้องทำงานระมัดระวังกว่านี้ ท่านยังสอนผมอีกมากพอรู้ว่าผมเป็นนักวิชาการ ไม่สันทัดในเรื่องนี้
พอพวกเราเสร็จกิจกับเรื่องของท้องแล้วก็ร่ำลาพี่ไพรัชฯ สำหรับผมนั้นเข้าไปกราบงาม ๆ ที่อกของพี่ไพรัชฯด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจที่ไม่ทิ้งพวกเดียวกัน แล้วเราก็กลับมาที่บ้านพักป่าไม้อำเภอ ที่อำเภอสังขะ พอมาถึงเห็นป่าไม้อำเภอนั่งรออยู่พอดี........
คุณจำลองฯ สบายใจได้แล้วนะเรื่องเรียบร้อยแล้ว
พี่ชัยพรพอลงจากรถไม่รอช้ารีบแจ้งให้ทีมงานทราบเพื่อความสบายใจ พอสิ้นเสียงพี่ชัยพรฯ คุณจำลองจึงได้รายงานให้เราทราบความเป็นไปทางนี้ให้เราได้รู้ ซึ่งมันเป็นความลับที่เราไม่เคยรู้มาก่อน.........!
คุณทศ ผมทราบเรื่องแล้ว พลตำรวจ สุรศักดิ์ฯ เด็กของผมเพิ่มมาบอกเมื่อสักครู่นี้เอง เด็กมันบอกว่าเมื่อวานนี้รองฯ ท่านมากับ ทส. ท่าน เด็กมันบอกว่ามันนั่งอยู่ข้างห้องสารวัตรใหญ่มันกำลังพิมพ์หนังสืออยู่ได้ยินเสียงคุยกันระหว่าง ท่านรองผู้กำกับและสารวัตรใหญ่โดยตลอด เด็กมันเล่าว่าท่านรองพอเข้าห้องถามสารวัตรใหญ่เลยว่า ลื้อทำลงไปได้อย่างไรมันไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยนี่หว่า เขาอุตสาห์ช่วยลื้อแล้ว ลื้อยังดัดหลังเขาอีก สารวัตรใหญ่สารภาพว่าโกรธที่ขอเราแล้วเรา ไม่ยอมให้ รองเลยบอกว่าพบกันครึ่งทางก็ดีแล้วจะแก้ไขอย่างไร สารวัตรใหญ่บอกว่าไม่ยากครับ ที่ให้เสมียนคดีลงประจำวันไปนั้นมันเป็นประจำวันเทียม ผมเตรียมไว้ดัดหลังพวกที่มันซ่านัก ท่านรองเลยให้ไปเอาประจำวันเทียมนั้นมามันได้ยินเสียงฉีกกระดาษสงสัยว่าท่านรองจะฉีกประจำวันนั้นทิ้ง
พอคุณจำลองพูดจบผมไม่รอช้ากระตุกสำเนาประจำวันที่พี่ชัยพรฯ มาดูปรากฏว่าประจำวันไม่มีรันนิ่งลำดับที่ และลายเซ็น และในช่องผู้รับทราบประจำวันไม่มีชื่อพี่ชัยพรฯ ข้าพเจ้าถึงบางอ้อทันที มันเป็นบทเรียนราคาแพงเอามากทีเดียว เรามันทั้งโง่ สะเพร่า และที่ต้องจดจำไว้ว่าในเรื่องอย่างนี้ อย่าเอ็นดูเขา เอ็นเราจะขาด สรุปได้ว่า พวกเราจับไม้ใต้ถุนบ้านโดยไม่มีเจ้าของบ้านเพราะเป็นบ้านที่ปลูกพรางไว้ในป่าไม่มีบ้านเลขที่และชื่อเจ้าบ้าน เป็นการจับไม้ไม่มีตัว วิน วิน ทุกฝ่าย สำหรับข้าพเจ้าขอจดจำไปจนตาย.....
Last updated: 2014-01-04 09:30:51