จงมองผู้ใต้บังคับบัญชาว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถอยู่เสมอจงหาความสามารถของเขาให้พบ
 
     
 
ประจำวันเทียม ตอนที่ ๑
ไม้มีค่าพวก ประดู่ พยุง แดง ตะเคียนทองยังหลงเหลืออยู่มากจริง ๆ ตามที่โบราณเขาว่า "คืบก็ป่า ศอกก็ป่า" เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
 

                หน่วยป้องกันรักษาป่าที่  สร.2 (ปราสาท) ได้ก่อสร้างเสร็จสมความมุ่งหมายของทางราชการ  และข้าพเจ้าก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยตามความคาดหมาย  มีอัตรากำลัง  2  นายรวมภารโรงเป็น  3  นาย  หน่วยสังขะก็เช่นเดียวกัน  มีมนตรี  รุ่นน้องมาทำหน้าที่หลังจากข้าพเจ้าหนึ่งปี  ในสมัยนั้นการบุกรุกทำลายป่าไม้รุนแรงมากไม่ว่าจะเป็นการแปรรูปขายหรือ  บุกรุกแผ้วถางป่าเพื่อเอาที่ทำกิน  ทางป่าไม้เขตได้ตระหนักในข้อนี้จึงแต่งตั้งสายตรวจออกเป็น  2  สายเรียกในสมัยนั้นว่าสายอนุรักษ์ป้องกันทรัพยากรป่าไม้สายที่  1  และ  2  สายที่  1  ควบคุมดูแลจังหวัดศรีสะเกษ – สุรินทร์  โดยให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในป่าไม้เขตที่มีตำแหน่งเป็นนักวิชาการป่าไม้โท  เป็นหัวหน้าสายลูกสาย       ก็สนธิกำลังจากหน่วยป้องกันรักษาป่าจากทั้ง  2  จังหวัด  โดยให้มาทำการปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าโดยให้รถยนต์ปิคอัฟคันหนึ่งมาสนับสนุน  สำหรับกำลังจากหน่วย  สายศรีสะเกษ – สุรินทร์  มีข้าพเจ้าเป็นผู้ช่วยและมีน้อง ๆ อีก  2  คนร่วมงานด้วย  จะผลัดเปลี่ยนหัวหน้าทุก ๆ 15 วัน แต่ตัวข้าพเจ้ายืนพื้นเป็นผู้ช่วยเพราะในสมัยนั้นอาวุโสพอสมควร  ออกสายด้วยทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยฯด้วยไปพร้อมกัน  ได้ผลัดเปลี่ยนเวียนกันออกมากันหลายหัวหน้าแล้วยังไม่เคยเกิดเรื่องอะไร      มาเจอเอาตอนที่พี่ชัยพรย้ายมาจากป่าสาธิต  อำเภองาว  จังหวัดลำปาง  พี่แกอยู่งานวิจัยมาตลอดโดยย้ายมารับตำแหน่งที่ป่าไม้เขตอุบลฯ พูดไปเสมือนดูหมิ่นพี่แก  เพราะพี่ท่านไม่มีประสบการณ์ในการจับกุมดำเนินคดีป่าไม้เลย  แต่ต้องมาเป็นหัวหน้าสายทำเอาข้าพเจ้าอดหนาว ๆ ร้อน ๆ ไม่ได้  เพราะสายวิชาการจะไม่เคยดำเนินคดีป่าไม้มาก่อนไม่ใช่ข้าพเจ้าจะดูหมิ่นฝีไม้ลายมือหัวหน้าก็หาไม่...................

                เช้าวันนี้ก็เหมือนกับวันอื่นอากาศในตอนเช้าออกจะหนาวสักนิด  เพราะเป็นปลายฝนต้นหนาวแล้ว  ข้าพเจ้านัดหมายพี่ชัยพร  ศัตรูพ่าย  หัวหน้าสายรายปักษ์คนใหม่ที่หน่วย  เพราะพี่แกจะต้องนำเจ้าหน้าที่และรถตรวจปราบปรามพร้อมคนขับรวมเบ็ดเสร็จ  4  คน  รถที่ใช้เป็นปิคอัฟยี่ห้อดังขนาด  1  ตัน  มีหลังคาทำด้วยอาลูมิเนียมมีผ้าใบกันฝนรอบคันเป็นสีแดง  มันจึงได้ฉายาว่า  “เจ้าปีศาจแดง”  หมอเป็นรถที่สมบุกสมบันมากเพราะบางครั้งถึงเวลาพักหมอไม่เคยได้พักกินข้าวกินน้ำหรือถ่ายอุจจาระเหมือนคนอื่นเขา  สักครู่ยังไม่ทันที่ข้าพเจ้าคิดคำนึงถึงอยู่มันก็แล่นเข้ามาในหน่วยเล่นเอาฝุ่นคลุ้งไปหมดตอนนั้นทางเข้าหน่วยยังไม่ได้ลงลูกรังเพราะสร้างเสร็จใหม่ ๆ...........

                “ เฮ ! ทศ  พร้อมไหม.? วันนี้  หรือเอายังไงเจ้าของพื้นที่ “

พอมาถึงไม่รอช้าพี่ชัยพรฯ รีบสอบถามความพร้อมแสดงว่าพี่แกฟิตน่าดูทีเดียว  แต่จากที่ข้าพเจ้า  ดูรูปร่างพี่แกแล้วน่าจะเป็นเสี่ยมากกว่าป่าไม้  บอกใครไม่มีเชื่อเด็ดขาด  เพราะรูปร่างขาวออกไปทางอ้วน  หน้ายิ้มร่า  อารมณ์ดีตลอดเวลา  และเป็นคนช่างพูดอีกด้วย  ถ้าพูดไม่เก่งอย่าไปประลองคารมเด็ดขาดไม่ทันแกแน่นอน  ได้นายอารมณ์เย็นก็ดีไปอย่าง  ว่าแล้วพี่แกเดินอาด ๆ ส่ายพุง   เดินขึ้นไปบนหน่วยตรวจตราตามความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์  ข้าพเจ้ารอให้ลงมาเรียบร้อยแล้วจึงได้ตอบคำถามไปบ้าง..........

                “ ผมว่าพี่พักที่นี่สักคืนก่อนเป็นยังไงพรุ่งนี้เราค่อยว่ากันจะไปที่ไหน  เอาเป็นว่าวางแผนกันคืนนี้ก็แล้วกันพี่เพิ่งมาเหนื่อย ๆ ไอ้ผมนะไม่เท่าไหร่หรอกไปเดี๋ยวนี้ก็ได้  พร้อมทุกลมหายใจ “

ได้ทีข้าพเจ้าเกทับ  เย้าพี่แก่เล่นสนุก ๆ ไปไม่ได้ปรามาสท่านแต่อย่างไร  เพราะเราป่าไม้ถูกฝึกมาให้ต่อสู้กับความยากลำบากมาโดยตลอดแล้ว  จะยอมให้ก็แต่ทหารเท่านั้นที่เราอาจฝึกไม่เท่าเทียมได้............

                “ ผมว่าก็ดีเหมือนกันจะได้คุยกับนายบ้าง  เห็นว่าจับไม้หนักช่วงนี้ “

                “ ครับพี่คดีมันเยอะจริง  ไม่รู้มันขโมยไม้กันชุกอะไรอย่างนี้ ยิ่งมีสัมปทานยิ่งขโมยมากขึ้น  ชาวบ้านคงนึกว่าให้สัมปทานกับนายทุนมั่งพี่ “

                “ นั้นซิผมนั่งรถเข้ามาในหน่วยเห็นไม้ของกลางมากเป็นพิเศษ “

พี่ชัยพรฯ ช่างเป็นคนที่ละเอียดอ่อนพอสมควร  จึงสามารถวิเคราะห์ได้ใกล้เคียงความจริง

                “ นี่เป็นเพียงไม้แปรรูปและไม้ท่อนขนาดเล็กนะพี่  ไม้ใหญ่ยังขนออกมาไม่หมด  เพราะกำลังติดต่อองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้นครราชสีมาให้ส่งรถจอหนังมาประจำสักหนึ่งคัน  ได้รับตอบตกลงแล้ว  เพราะ  ออป. โคราชเห็นจับมากคุ้มที่จะส่งรถมาประจำ  ผมเลยดีใจว่าต่อไปนี้คงจะสบายขึ้น “

ข้าพเจ้าเล่าความเป็นไปในการดำเนินงานย่อ ๆ ให้พี่ฟังเพราะหน่วยเราเพิ่มสร้างเสร็จใหม่น้ำยังต้องขุดบ่อเอาน้ำใต้ดินมาใช้  อะไรก็ยังไม่พร้อมพอถึงตอนเย็นจึงได้พาพี่และน้อง ๆ ไปหาอาหารที่ในตลาดอำเภอปราสาทกินกันไปก่อนเพราะหน่วยยังไม่มีครัว  เสร็จสับภาระกิจเรื่องท้องแล้วก็มาเรื่องงานพอถึงหน่วยข้าพเจ้าขอเชิญทุกท่านประชุมที่ห้องโถงบนสำนักงานมันเงียบและปลอดคนดี  แจ้งให้พวกเราทราบว่าได้วางแผนที่จะพาพวกเราไปจับไม้ในท้องที่อำเภอสังขะ  เพราะไม่ได้ไปหลายวันแล้วมัวแต่อาละวาดในท้องที่อำเภอปราสาทของตัวเอง  ในสมัยนั้นสองฝากถนนโชคชัยเดชอุดมตั้งแต่อำเภอปราสาทตลอดจนอำเภอเดชอุดมทั้งสองฝากถนนยังเต็มไปด้วยป่าอันอุดมสมบูรณ์มาก  ไม้มีค่าพวก  ประดู่  พยุง  แดง  ตะเคียนทองยังหลงเหลืออยู่มากจริง ๆ ตามที่โบราณเขาว่า  “ คืบก็ป่าศอกก็ป่า “  ยังไงเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่สำหรับริมถนนแล้วไม้ที่ขึ้นอยู่จะเป็นไม้  เหียง  พลวง  แต่สมัยนี้ก็นับว่าเป็นไม้ที่เนื้อแข็งหายากเต็มทนแล้ว  ต้นยางแต่ละต้น  3 – 4  คนโอบทั้งนั้น  ว่าไปแล้วน่าเศร้าใจที่เราไม่สามารถคงสภาพป่าเช่นที่ว่านี้ไว้ได้  มันเป็นสัจจะธรรมที่ไม่ต้องทำการวิจัยเลยว่าถนนไปถึงไหนป่าพังที่นั่น  ถนนมันเป็นตัวเร่งอย่างดีสำหรับการทำลายป่า................!?

                ................รุ่งเช้าวันนี้ตื่นเช้าเป็นพิเศษเพราะเมื่อคืนไม่ได้แตะต้องน้ำเมาเลย  เพราะว่ามันเป็นหน้าที่หรือภาระอันใหญ่หลวงที่จะต้องวางแผนและหาทีมงานล่าสังหารเฉพาะกิจหน่วยนี้ไปออกตรวจปราบปรามการลักลอบตัดไม้อันเป็นหน้าที่หลัก  แม้จะจับไม่ได้แต่ถ้าได้ออกตรวจปราบปรามอย่างสม่ำเสมอผู้ร้ายก็เกรงกลัวเป็นการปรามทางอ้อม  ไม่ใช่รอให้เขาตัดแล้วไปจับมันไม่ได้ผลอะไรเพราะป่าพังไปแล้ว.......รวบรวมเครื่องไม้เครื่องมือหากินอันมีที่รองเขียน  กระดาษบันทึก  กระดาษก็อปปี้  และสเตปเปิล  และที่ลืมไม่ได้ก็เทปวัดไม้  ม้วนยี่สิบเมตร  สิ่งที่สำคัญอันดับสุดท้ายย่ามด้ายดิบผ้าหนามากบรรจุไว้ด้วยวัตถุอันหนักพอสมควรได้แก่  ดวงตรา  “ “  และตรา  “ “ ตรา “ “ เป็นตราประจำตัวทุกคนจะมีประจำตัวมีตัวเลขเป็นรหัสตำหนิรูปพรรณ  สำหรับ  “ “ เป็นตราที่ตีตอกประทับไม้แสดงว่าไม้ได้ถูกยึดจากเจ้าหน้าที่พนักงานป่าไม้แล้ว  สำหรับใครเป็นคนยึดก็จะดูได้ที่ตรา “ “ ว่าเป็นของใคร  พอเสร็จสับกับเครื่องมือหากินแล้วก็พากันโดยสารเจ้า “ ปีศาจแดง “ ซึ่งรออยู่พร้อมเต็มที่ที่จะทำหน้าที่ของมัน  แต่ก่อนจะออกรถข้าพเจ้า อดห่วงไม่ได้  รีบไปเปิดฝากระโปรงรถตรวจดูน้ำในหม้อน้ำเห็นว่าไม่พร่องก็ดึงเหล็กวัดน้ำมันเครื่อง  ปรากฏว่าอยู่ในขีดระหว่างฟูล(full)กับขีดต่ำสุด  แสดงว่าใช้ได้ในระดับหนึ่งแต่สีของมันออกจะดำมากไปหน่อย  ข้าพเจ้าเลยใช้มือไปบี้ดูความหนืดปรากฏว่าความหนืดน้อยลงคิดว่าเสร็จงานนี้จะได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเสียทีเพราะพวกเราใช้   รถหลวงไม่ใคร่เอาใจใส่เท่าที่ควรมักจะเติมไม่ค่อยถ่ายทิ้งกันมันทำให้รถเสื่อมสภาพเร็ว  เพราะทุกคนคิดว่าธุระไม่ใช่  หน้าที่ใช้อย่างเดียวจะไปพึ่งพนักงานขับรถยิ่งไม่ได้เรื่องใหญ่ไม่รู้สอบเข้ามาได้อย่างไรพูดไปเหมือนตำหนิพวกเดียวกัน  เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วข้าพเจ้ากับพี่ชัยพรนั่งด้านหน้าสองคนน้อง ๆ พากันนั่งด้านหลัง  รถเคลื่อนตัวออกเดินทางไปยังอำเภอสังขะที่หมาย  เพราะมีสายข่าวว่ามีการ  ทำไม้พยูงหลังที่ว่าการอำเภอเป็นจำนวนมาก  ป่าหลังอำเภอในสมัยนั้นถูกจัดเป็นที่ดินจัดสรรบ้านชบ – บ้านเขวา  แต่ยังไม่ได้จัดสรรยังมีไม้มีค่าขึ้นอยู่มากมาย  รถปีศาจแดงของเราแล่นมาถึงหลังอำเภอด้านทิศใต้มันมีทางเกวียนเก่าทอดยาวขนานไปกับถนนลาดยางสายยุทธศาสตร์  สายสืบของเราบอกว่ามีไม้เถื่อนแปรรูปจำนวนมาก  ข้าพเจ้าให้รถจอดอยู่ปากทางเข้าแล้วแจ้งให้  พี่ชัยพรทราบว่าเราต้องลงเดินเข้าไปดูโดยทางเท้าก่อนเพราะทางรถอาจเข้าไม่ถึง  พี่ชัยพรเห็นดีด้วยกับข้าพเจ้า  เราจึงนัดแนะกันให้คนขับรถอยู่เฝ้า  ถ้ามีอะไรเมื่อเรากู่เรียกให้นำรถเข้าไปได้  เมื่อพวกเราลงจากรถหมดแล้วทั้ง  4  ชีวิตต่างมัดเชือกรองเท้าผ้าใบกันเตรียมความพร้อมตรวจตราเครื่องไม้เครื่องมือหมดแล้วข้าพเจ้าให้สัญญาณเดินได้โดยที่ข้าพเจ้าเป็นคนนำทางตามด้วยพี่ชัยพรฯ ทางเกวียนที่เราเดินมันเก่ามากแทบจะไม่มีเกวียนเดินผ่านในระยะเวลา  1-2  เดือนนี้หญ้าเจ้าชู้ขึ้นระหว่างกลางทางสูงรบกวนกางเกงขายาวของเราพอสมควร  เดินมาได้ประมาณ  200  เมตร  พบไม้ยางต้นใหญ่มากหนึ่งต้นแผ่กิ่งก้านสาขาสยายความร่มรื่นให้กับสัตว์บนดิน  และเป็นที่อยู่อาศัยของนกกา  ต้นยางนั้นได้ชื่อว่าเป็นพญาไม้ต้นหนึ่ง  เพราะคุณสมบัติที่มีค่าแก่การสงวนคือเป็นไม้ใหญ่ที่ต้นเปลาตรงให้เนื้อไม้มาก  และเนื้อไม้ก็มีคุณสมบัติในการก่อสร้างที่ดีเยี่ยม  ทีมงานของเราเดินไม่ได้รีบร้อนมากนักสายตาก็สอดส่ายกวาดดูไปรอบด้านเผื่อว่าจะเจอจุดที่มีการแปรรูปไม้ตามที่สายข่าวแจ้ง  พอเดินต่อมาได้อีกประมาณ  1  กิโลเมตรโดยประมาณสายตามองไปเห็นมีแสงสะท้อนออกมาจากพุ่มไม้ข้างหน้าห่างประมาณ  100  เมตร  เพราะป่าที่เราเดินข้างทางทั้งสองด้านเป็นป่าละเมาะเสียส่วนใหญ่  พอเราเดินไปถึงจุดจึงได้เห็นบ้านหลังหนึ่งปลูกอยู่ในป่าข้างทางแสงสะท้อนที่เราเห็นเป็นแสงของสังกะสีที่ยังใหม่อยู่  เป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงขนาด  9  คูณ  9  เมตร  เห็นจะได้  ชั้นบนถูกตีฝาด้วยไม้ที่ถูกแปรรูปด้วยแรงคน  ลักษณะไม่ใช้ไม้ฝา  จะเป็นไม้พื้นเสียมากกว่าเพราะมีขนาด  1  นิ้วคูณ  6  นิ้ว  ตีตอกตะปูดอกเดียวปิดรอบทั้งหลังเป็นไม้หลายชนิดคละกัน  มีตั้งแต่ไม้ยาง  ไม้เหียง  ไม้ประดู่  ส่วนพื้นปูไม้พื้นไว้เฉย ๆ โดยไม้ได้ตีตะปูไว้แต่อย่างใด  แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าที่ตรงใต้ถุนเต็มไปด้วยไม้แปรรูปขนาดต่างมีตั้งแต่ไม้เสาหน้าหกนิ้วหน้าแปดนิ้ว  ไม้คาน  ไม้ตงวางซ้อนกันเต็มไปหมด  มีแต่ไม้มีค่าหายากทั้งนั้นเช่นไม้ประดู่  ไม้พยุง  ไม้ตะเคียนทอง  สำหรับตัวบ้านนั้นสรุปได้เลยว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพรางว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างเพื่อให้พ้นข้อกฎหมาย  แต่ไม้ใต้ถุนบ้านเป็นไม้เถื่อนจริง  โอ ? พระแม่เจ้ามันช่างมากมายและกล้าหาญชาญชัยอะไรเช่นนี้  บริเวณหน้าบ้านทำรั้วลวก ๆ ไว้ล้อมรอบแสดงอาณาเขตไว้ประมาณ  50  ตารางวา   พี่ชัยพรฯเห็นแล้วตกใจ…!?

                “ เฮ ! ทศ ! ทำไม่มันมากอย่างนี้  จากนี้ไปอำเภอมันห่างผมว่าไม่เกินสองกิโลเมตร  ไม่มีใครรู้เลยหรืออย่างไร ?”

                “ พี่ครับผมว่ามันต้องมีอะไรซ่อนเงื่อนไว้เป็นแน่  เอาอย่างนี้  ผมจะให้พวกเราไปตาม    ป่าไม้อำเภอมาร่วมด้วย”

                “ ดวงแสง  คุณไปตามคุณจำลอง  ป่าไม้อำเภอมาที่นี้แจ้งว่าผมเชิญมาก็แล้วกัน”

ผมสั่งดวงแสงเด็กเพิ่งจบจากโรงเรียนป่าไม้แพร่มาใหม่พอ ๆ กับข้าพเจ้า  ดวงแสงเมื่อได้รับคำสั่งรีบจูงมือเพื่อนอีกคนไปด้วยกัน  พอพ้นสายตาข้าพเจ้าไปแล้วจึงได้ชวนพี่ชัยพรตรวจดูที่เกิดเหตุ  โดยเดินดูรอบ ๆ ไม่กล้าเข้าไปในบ้านเพราะเราไม่ได้ขอหมายค้นมา  ดูคร่าว ๆ ไปก่อนฆ่าเวลา………

                “ ไม้ดี ๆ ทั้งนั้นเลยพี่  ผมกะว่าไม่น้อยกว่า  3  คิวแน่เลย”

ผมเดินดูโดยรอบแล้วกะประมาณเปรย ๆ ให้พี่แกฟัง  เพราะเริ่มมีประสบการณ์ทางด้านนี้บ้างแล้ว

………รอไม่ถึงชั่วโมงป่าไม้อำเภอก็มาถึง  เป็นหนุ่มวัยเดียวกับข้าพเจ้า  ได้ความว่าอดีตเป็นนักมวยเก่า  เราจึงถามว่าบ้านหลังนี้พอจะรู้หรือไม่ว่าเป็นบ้านใคร  ตอนแรกทำท่าจะปฏิเสธ  ข้าพเจ้าเลยแจ้งให้ทราบว่ามีคนแจ้งเราจึงจำเป็นต้องมาดูท่าทีป่าไม้อำเภอจะอึดอัดใจพอได้คุยกับข้าพเจ้าถึงข้อเสียจึงยอมปริปากบอกว่าเป็นบ้านของนายตำรวจยศ  ร้อยตำรวจเอกใหญ่โตพอดูในสมัยนั้น  ขณะที่เรากำลังคุยกันอยู่นั้น  ก็ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์  ฟังจากเสียงแล้วรู้ได้ทันทีว่ามุ่งมาทางเรา  สักครู่ปรากฎชายหนุ่มอยู่ในยูนิฟอร์มของเจ้าพนักงานผู้พิทักษ์สันติราษฎร์  ลงจากรถจักรยานยนต์เดินตรงมายังป่าไม้อำเภอ  และในจังหวะเดียวกันป่าไม้อำเภอเหมือนจะรู้กัน      ได้เดินไปหาพูดคุยกันระยะทางจับใจความไม่ได้  สักครู่เดียวที่คนทั้งสองสนทนากัน    ป่าไม้อำเภอ ก็ผละจากตำรวจน้อยมาหาพี่ชัยพรแจ้งให้ทราบว่าบ้านนี้เป็นบ้านของรองสารวัตรฝ่ายปราบปราม  ทางนายของตัวทราบแล้วว่ามีป่าไม้มาพบไม้แล้วให้มาขออย่าให้มีการจับกุมเลยเพราะตัวเองเก็บไม้ไว้เพื่อสร้างบ้านอยู่ไม่ได้ทำไม้ขายแต่อย่างใด  ป่าไม้อำเภอไม่กล้าตัดสินใจ………

                “ นายทศ  คุณว่ายังไง  สารวัตรเขาขอ  เราเป็นข้าราชการด้วยกัน”

พี่ชัยพรฯ ซึ่งเป็นคนใจอ่อนและขาดประสบการณ์ในด้านนี้ได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบ

                “ ไม่ได้หรอกพี่มันผิดทั้งกฎหมาย  เราพบการกระทำผิดแล้วไม่จับมันจะผิดกฎหมายอาญามาตรา  157  เจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่  และอีกอย่างก็ผิดในทางคุณธรรมอีก  ทีราษฎรเรายังจับพอตำรวจพวกเดียวกันเรากลับละเว้น”

                ข้าพเจ้ารีบขัดแย้งทันทีเพราะมันไม่ยุติธรรมเลย  อ้างอย่างไรมันก็ฟังไม่ขึ้น  ขณะที่เรากำลังถกเถียงว่าจะเอาอย่างไรดี  ไอ้เจ้าหนุ่มน้อย  พอเดินเข้ามาใกล้ ๆ จึงได้รู้ว่าเป็นพลตำรวจได้เข้ามายกมือไหว้พวกเราทุกคนแล้วขอร้อง………

                “ พี่ครับ  ไม่เห็นแก่สารวัตร  ก็เห็นแก่ผมเถอะ  เพราะสารวัตรให้ผมมาเจรจาถ้าไม่ตกลงให้ผมรับว่าเป็นบ้านผม  ถ้าพี่จับผมต้องออกจากราชการเป็นแน่”

                “ นั้น ซิทศ  เจ้าหนุ่มนี้ต้องตกเป็นผู้ต้องหาแน่นอนถ้าเราจับ  ผมว่าเรามีทางไหนที่จะบรรเทาได้ไหม”

ว่าแล้วพี่ชัยพรก็หันหน้าไปหาป่าไม้อำเภอขอความเห็น…….?

                “ คุณจำลองว่าอย่างไรคุณเป็นเจ้าของท้องที่?”

                “ ผมไม่มีความเห็นแล้วแต่พวกคุณ  เอาไหนเอาด้วย”

ป่าไม้อำเภอไม่กล้าแสดงความคิดเห็น  รีบบอกปัดทันที  ไอ้หนุ่มพลตำรวจพอจะรู้ว่าใครเป็นหัวหน้าแล้วเดินไปยังพี่ชัยพร  แล้วออดอ้อน  ขอร้องอย่าให้มีการจับกุมกันเลย......พี่ชัยพรชักใจอ่อน  หันมาทางข้าพเจ้าอีก

                “ว่าอย่างไรทศ  น่าเห็นใจเขานะ  ถ้าจับเขาต้องออกจากราชการแน่นอน”

                ข้าพเจ้าพอจะเดาได้ว่าพี่แกใจอ่อนเต็มทนแล้ว  อยากช่วยเขาเต็มแก่  เมื่อทบทวนดูแล้วว่าคดีไม้เป็นคดีไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์  ลองเสนอทางออกดูพบกันครึ่งทาง  คิดได้ดังนั้นแล้วจึงแจ้งวิธีการให้พี่ชัยพรและ     ไอ้หนุ่มฟัง.......!!

                “ เอาเป็นว่าเราต้องจับแน่นอนเพราะขณะนี้เขาคงจะรู้กันทั้งอำเภอแล้ว  แต่ผมขอแนะว่าเราจับแบบไม่มีตัวเอาแต่ไม้ไป  ก็พอ”

                พี่ชัยพรเริ่มกังขาแล้วว่าจับยังไงไม่เอาตัวผู้ต้องหาไป  ผมเลยขยายให้ฟังว่า..........

                “ เป็นว่าเราบันทึกการจับกุมว่าเจอไม้กองอยู่ในพุ่มไม้ห่างจากบ้านสัก  15  เมตร  ก็แล้วกันเป็นไม้ที่อยู่นอกรั้วบ้าน  ว่าอย่างไรหนุ่มพี่ว่าเราพบกันครึ่งทางพี่ขอไม้แล้วข่าวก็จะออกมาว่าเราจับไม้แล้ว  ไอ้เจ้าหนุ่มน้อยไม่ตอบรับแต่บอกว่า  ผมจะไปเรียนสารวัตรตามที่พี่ว่าผมคิดว่าสารวัตรไม่น่าจะขัดข้อง”  ว่าแล้วเจ้าหนุ่มก็ยกมือไหว้ลากลับไปแจ้งเจ้านายของตัวให้ทราบ.........

.............เมื่อพ้นเสียงมอเตอร์ไซด์ไปสักพักพวกเราต่างมอบหมายหน้าที่กันทำงานพวกบันทึกก็ทำหน้าที่พวกวัดไม้ก็ทำบัญชีไม้การทำงานของเราเป็นการทำอยู่ในป่าปราศจากการรู้เห็นของผู้ใด  เมื่อเราบันทึกเรียบร้อยแล้วคิดว่าให้พวกเราคนใดคนหนึ่งไปแจ้งความร้องทุกข์แล้วถึงจะได้ขนไม้ขึ้นรถไปเก็บ.........

                “ ดวงแสงทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะเอาบันทึกไปลงประจำวันก่อนแล้วรีบมาช่วยกันลากไม้ออกจากใต้ถุน  สำหรับไม้ที่ตีอำพรางเราคงไม่เอาหรอกเพราะต้องขออำนาจศาลรื้อยุ่งยาก  แค่ไม้ใต้ถุนก็มากพออยู่แล้วเราจับเพื่อเป็นการปฏิบัติการทางจิตวิทยาด้วยจะได้เกรงกลัวกันบ้าง”

                ดวงแสงหายไปร่วมชั่วโมงเศษกลับมา  พร้อมกับจดเลขที่ประจำวันไว้บนหัวกระดาษของสำเนาบันทึกการจับกุมที่เราทำขึ้นสามฉบับ  แล้วก็มาช่วยพวกเราชักลากไม้ออกจาใต้ถุนบ้านมากองไว้นอกบ้าน.......ขณะที่เรากำลังขนไม้กันอยู่นั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่เกิดเหตุคนนี้กลับไม่ใช่ไอ้หนุ่มคนเดิม  มียศสูงกว่าเป็นถึงจ่าสิบตำรวจอายุกลางคนท่าทางจะเขี้ยวพอดู  พอมาถึงไม่พูดพล่ามทำเพลงเดินเข้าไปถ่ายรูปที่พวกเรากำลังชักลากไม้จากใต้ถุนบ้านเก็บหลักฐานทุกอย่างที่มันบ่งบอกว่าเป็นไม้ใต้ถุนบ้าน  ในชั้นแรกข้าพเจ้าไม่ได้เอะใจเพราะตำรวจมีหน้าที่ต้องมาตรวจที่เกิดเหตุอยู่แล้ว  แต่มาสังหรณ์ใจอยู่ว่าทำไมถึงต้องมาถ่ายรูป         ทุกท่าทางของการขนไม้ซึ่งมันผิดสังเกต  แต่พี่ชัยพรฯไม่ได้ตระหนักในข้อนี้  และไม่แสดงอาการใด  ข้าพเจ้าจึงเฉยอยู่  คิดว่าเขาคงเอาไปประกอบรูปคดีเป็นแน่  แต่ก็อีกนั้นแหละเราทำที่เกิดเหตุอยู่นอกบ้านแล้วทำไมมาถ่ายรูป  ใต้ถุนบ้าน  เอาละซิปัญหาเริ่มมีให้ขบคิดอีกแล้ว.....?.....พี่จ่าแกถ่ายรูปเสร็จไม่พูดไม่จารีบขับเจ้า  ยานยนต์คู่ชีพกลับสถานีพวกเราก็เร่งรีบขนไม้ไปเก็บไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่  สร.1 (สังขะ)  อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่หน่วยแจ้งให้ทราบว่าพนักงานสอบสวนขอเชิญพี่ชัยพรฯไปพบขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่าย  2  โมงเย็นแล้ว  ข้าพเจ้าจึงบอกกับพี่ว่าพวกเราขอไปด้วยทุกคนจึงขึ้นรถไปที่  สภ..สังขะไปจอดรถข้างที่ทำการพี่ชัยพรรีบเดินขึ้นไปพบพนักงานสอบสวน  รู้สึกว่าจะขลุกอยู่กับพนักงานสอบสวนนานพอสมควร  จึงเห็นเดินออกมาด้วยสีหน้าเครียดมาพบกับข้าพเจ้าแล้วเล่ารายละเอียดให้ฟัง.................??


Last updated: 2013-11-23 11:22:13


@ ประจำวันเทียม ตอนที่ ๑
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ ประจำวันเทียม ตอนที่ ๑
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,326

Your IP-Address: 3.144.21.206/ Users: 
1,324