พอกลับถึงบ้าน รีบแจ้งให้ภรรยาทราบว่าวันนี้มีนัดอีก  แล้วอาบน้ำแต่งตัวเสร็จรู้สึกว่าจิตมันไม่นิ่ง จึงเข้าไปที่ห้องพระกราบสามหนแล้วเริ่มนั่งขัดตะมาดเท้าขวาทับเท้าซ้ายวางมือบนตัก ตัวตรง แล้วหลับตาจิตตรึงไปที่ลมหายใจเข้าออก จับกระแสลมหายใจกำหนดจิตเป็นพุทโธ พอนั่งได้สัก 20 นาที สมาธิก็สิ้นลง จึงเลิกแล้วออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกบ้าน รอเวลาที่จะไปพบแขก จิตที่ร้อนรุ่มค่อยเย็นลง สมาธิเกิดปัญญาเริ่มก่อตัวขึ้น ความมั่นใจเริ่มเต็มร้อยแล้ว เอาละเจออะไรเป็นเจอกัน สิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวที่สุดคือการถูกขอร้องให้กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกกฎหมาย และทำนองคลองธรรม  ข้าพเจ้าในตอนนั้นยังอ่อนหัดนักอีกทั้งยังเปรียบเสมือนผ้าขาวที่พร้อมจะถูกแต่แต้มสีให้กลายไปเป็นเช่นใดก็ได้ถ้าจิตไม่แกร่งพอ  พอได้เวลาไม่รอช้ารีบถอยเจ้าโคโรล่า ขุนแผนน้อยออกจากโรงรถ กลับตัวได้รีบบึ่งไปยังจุดนัดพบ ณ ที่ร้านแป็ะตี้  ในตัวเมือง  หาที่จอดรถปลอดภัยได้ล็อกรถเรียบร้อยเดินเอื่อยๆ เข้าไปในร้านกวาดสายตาหาบุคคลที่ต้องการพบไม่ถึงสองสามนาทีก็เจอว่านั่งหลบมุมอยู่ด้านข้างร้านซึ่งเป็นที่มิดชิดพอสมควร มันเหมาะแก่การที่จะเจรจา ความเป็นส่วนตัวและพ้นสายตาของบุคคลอื่นอีกด้วย…

                “สวัสดีครับพี่ทศ  ผมกังวลใจคิดว่าพี่จะไม่มาเสียแล้ว เลยมารอก่อน ผมเลยชวนเบี้ยวมาด้วย หวังว่าพี่คงไม่ว่าอะไร เพราะต่อไปเราต้องร่วมงานกันแล้ว”

ทันทีที่ข้าพเจ้าเดินเข้าไปที่โต๊ะ เสี่ยวิชาญของเจ้าเบี้ยวก็รีบยืนขึ้น เดินเข้ามาทักทายพร้อมกับยกมือไหว้ เป็นการคารวะ แสดงให้เห็นคุณสมบัติของคนที่จะเป็นพ่อค้าที่ดี จะต้องมืออ่อนเท้าอ่อน…

                “ไม่เป็นไรเรากันเองทั้งนั้น  มีอะไรก็ว่ากันมาตรงๆ ผมชอบ”

                “โธ่ พี่มาถึงก็พูดเรื่องงานเลย เสียบรรยากาศหมด ไม่เอา เดียวผมสั่งอาหารก่อนดีกว่า พี่ทศชอบอะไรเป็นพิเศษสั่งได้เลยนะครับ สำหรับผมสั่งไว้ล่วงหน้า 2-3 อย่างแล้ว  เราดื่มกันหน่อยนะพี่เป็นการเปิดงานสมานฉันท์  พอดีผมทราบว่าพี่ดื่ม ชีวาส ผมเลยสั่งมาเรียบร้อยแล้วเดี๋ยวบ๋อยคงนำมาให้”

ไม่พูดพล่ามทำเพลง เจ้าหนุ่มน้อยหน้าตาใสผู้รับเหมาหน้าใหม่ไฟแรงเริ่มออกลีลาแล้ว ผมได้แต่นึกว่า งานนี้คงไม่ธรรมดาแน่นอน เอาเป็นเอา ประลองยุทธกับเจ้าวิชาญดูสักหน่อย อาหารเริ่มทะยอยมาเรื่อยๆ และบ๋อยเริ่มเสริ์ฟน้ำเมาให้พวกเราทุกคน  ข้าพเจ้าคิดว่าคืนนี้ต้องตั้งสติให้แน่นไว้ พวกเราทั้งสามคนต่างดื่มกินไปเรื่อยๆ ข้าพเจ้าถูกขยั้นขยอให้ดื่มดูเหมือนจะมอมอย่างไรอย่างนั้น ไม่รู้ว่าข้าพเจ้าระแวงไปมากหรือเปล่า พอได้เวลาสองทุ่มครึ่ง นายเบี้ยวขอตัวโดยบอกว่าต้องไปทำงานตอนเช้ากลัวตื่นสาย เสี่ยวิชาญรีบอนุญาต ต่อจากนั้นเราก็บรรเลงต่อมีความรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะมึนเข้าบ้างแล้ว  แต่สติยังดีอยู่รอว่าเมื่อไหร่เสี่ยวิชาญจะพูดธุระสำคัญอย่างที่บอกไว้ ก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะอยากถามหรืออยากรู้อะไรกับข้าพเจ้าไอ้เราจะถามตรงๆ ไปอีกก็เห็นเจ้าหนุ่มเริ่มมีอาการสิ้นไก่ค่อยๆสั้นแล้ว ตอนแรกข้าพเจ้าคิดว่าการเลี้ยงในครั้งนี้จะไม่ยอมให้ใครมาเลี้ยงให้เป็นบุญคุณ ว่าจะไปบอกแคชเชียร์ว่าให้คิดเงินที่ข้าพเจ้า แต่ก็มาได้คิดว่าการเลี้ยงครั้งนี้ถ้าไม่บริสุทธิ์ ไก่จะตื่นเสียก่อน จึงเฉยไว้แล้วเริ่มแสดงละครว่าตนเองเริ่มเมาเข้าแล้ว จากการพูดคุยกันมาตลอด พอจับความนึกคิดและประสบการณ์ของเจ้าหนุ่มได้ว่า ไม่เขี้ยวอย่างที่คิด

                “พี่ทศ ผม…..ผมว่า เราไปต่อกันที่อื่นดีกว่า ผมเซ็งที่นี้แล้ว  ไปเต้นระบำกันดีไหมที่ซีซ่าร์ไนท์คลับ  เอ๊า บ๋อยคิดตังค์”

                หารือเสร็จ เจ้าหนุ่มไม่รอช้ารีบเรียกบ๋อยมาคิดเงิน  โดยที่ไม่ต้องรอให้ข้าพเจ้ารับคำก่อน เพราะคิดว่าอย่างไรก็คงไม่ขัดแน่ แสดงว่าหมอมีประสบการณ์ด้านนี้พอสมควร สำหรับผมนั้นมันตกกระไดพลอยโจนแล้ว ถึงไหนถึงกัน ยิ่งมาเจอมวยสู่สีอย่างนี้ด้วยแล้ว อยากจะดูว่าจะไปถึงไหน ตกลงกันเรียบร้อยแล้วต่างก็เดินทางด้วยยานพาหนะของตัวเอง เดินทางไปยังบาร์ซีซ่าร์ไนท์คลับ เป็นสถานเริงรมย์ที่มีดนตรีและคู่เต้นอย่างที่เรามักเรียกหล่อนว่าพาร์ทเนอร์ เลือกหาที่นั่งได้เรียบร้อยแล้ว เจ้าหนุ่มเริ่มแจ้งกับบ๋อยว่าเรามีเหล้าติดมาด้วย คิดค่าเปิดขวดอย่างไร และไม่รอช้าสั่งน้องนางคู่เต้นมาครบจำนวน 2 คน คือสองนาง  สักครู่ไม่นานนักเครื่องดื่มพร้อมนางกวางน้อยน้องสองอนงค์ก็นวยนาดมานั่งแมะข้าเราทั้งสองคน หล่อนเริ่มทำหน้าที่รินเหล้ามอมเมาเราทันที นี้แหละที่เขาเรียกว่า กินเหล้าเคล้านารี ถ้าไม่มีสติโอกาสที่จะติดในรสชาติของมัน ตามวิสัยของปุถุชน ชื่อของเจ้าหล่อนก็คงไม่พ้นต้อยจิ๊ด นิด แดง เจ้าเสี่ยหนุ่มเริ่มแสดงให้เห็นว่าตนเองนั้นมีความสนิทสนมกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี ข้าพเจ้าเสียอีกเป็นคนสุรินทร์แท้ๆ ยังไม่เคยเข้ามา เคยไปเที่ยวกับรุ่นพี่บ้างก็ที่อุบลฯ….

                “แดง ดูแลพี่ทศให้เต็มที่นะ พี่แกเป็นพี่ชายของพี่เอง ถ้าพี่ทศบอกว่าชอบ ติบงามๆ จะเป็นของเธอทันที”

                ว่าแล้วเสี่ยหนุ่มเริ่มติดสินบนตามวิสัยทันที ทำเอาน้องแดง พาร์ทเนอร์รุ่นเยาว์เริ่มหันมาเอาใจใส่ข้าพเจ้าเป็นกิจลักษณะทันที สำหรับน้องนิดนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าจู๋จี๋กันดีกับเสี่ยเดาได้ว่าคงจะคุ้นเคยกันดีมาก่อน วัวเคยขา ม้าเคยขี่ ว่ากันอย่างนั้นเถอะ เราทั้งคู่เริ่มสนุกกันเต็มที่สำหรับข้าพเจ้านั้นพอได้ออกไปเต้นรำเหงื่อออกบ้าง อาการที่มึนๆ อยู่เริ่มจางลงไป ความสนุกครึกครืนของสถานบันเทิงแห่งนี้ทำให้เราลืมว่าที่เรานัดกันมาวันนี้มีวัตถุประสงค์อันใด  เสี่ยวิชาญไม่ได้พูดถึงมันเลย ตั้งแต่ต้นจึงมันสร้างความประหลาดใจให้กับข้าพเจ้ามาก ไม่รู้ว่าหมอจะมาไม้ไหน รู้แต่เพียงว่าหมอพยายามจะให้น้ำเมามันกินข้าพเจ้าให้ได้ ซึ่งข้าพเจ้าพอจะจับอาการได้จึงเริ่มแกล้งเมาดิบ ทำเป็นเมาอ้อแอ้ลิ้นไก่สั่น เดินไม่ตรงทาง ส่วนเสี่ยวิชาญนั้นแม้ข้าพเจ้าจะอ่อนหัดและด้อยประสบการณ์ก็พอจะมองออกว่าหมอได้เสียศูนย์ไปแล้ว  จึงทำให้ข้าพเจ้าได้คิดว่างานครั้งนี้จะให้เสี่ยวิชาญจ่ายอีกไม่ได้เด็ดขาด ได้ไปแจ้งให้แคชเชียร์รู้ว่าวันนี้ผมเคลียร์เอง ทั้งๆ ที่เสี่ยวิชาญมีเครดิตอยู่ที่นี้แล้ว สามารถที่จะกินและเดินออกจากร้านไปได้เลย พอถึงเที่ยงคืน เห็นว่าเสี่ยจะไม่ไหวแล้วข้าพเจ้าทำเป็นขอตัวไปห้องน้ำ แต่กลับแอบไปชำระค่าบริการวันนี้ เพราะไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณใครมากนัก แคชเชียร์รีบให้เคลียทันที ได้เงินสดดีกว่าเงินเชื่อ มันเป็นสัจจะธรรมที่พิสูจน์ได้ชัดเจนเลยทีเดียว เงินคือพระเจ้า ไม่ว่าในยุคไหนๆ มีคำคมไม่รู้ใครบัญญัติไว้ว่า “เงินจ้างผีโม้แป้งได้”  เสี่ยวิชาญเริ่มคอตกแล้ว จึงได้สกิดแล้วกระซิบไปที่หูบอกว่าวันนี้พอเท่านี้แหละข้าพเจ้าไม่ไหวแล้ว…

Last updated: 2013-10-26 16:01:59