กรอก email ที่ต้องการส่งแล้วกด Send
อย่าเพิ่งท้อแท้ในสิ่งที่ยังไม่พยายาม และอย่าเพิ่งหมดหวังในสิ่งที่ยังไม่เริ่มต้น
 
     
 
เหินเวหาท้ามรกตนที ตอนที่ 2
ถ้าดูไปแล้วเป็นเรื่องขำขันปนรำคาญมากกว่า ที่ทำให้บางคนต้องอดหลับอดนอนต้องมาเป็นสักขีพยาน สำหรับพวกเราน้องใหม่กลับดีใจที่ได้เห็น
 

                .........ณ  สถานลงฑัณฑ์แห่งนี้  ขอบสระด้านทิศเหนือและด้านทิศตะวันออกเต็มไปด้วยนิสิตชายยืนล้อมโดยมีผู้คุมเสื้อยันต์แดงยืนห่างเป็นระยะคอยควบคุมอยู่ ด้านทิศใต้เป็นสปริงบอร์ดสำหรับนักกีฬาว่ายน้ำไว้ฝึกท่ากระโดด บัดนี้มีชายฉกรรจ์ ประมาณ 5 – 6 นาย ยืนดำทมึนเหมือนเทวรูปในปราสาทของจอมราชันที่ใดที่หนึ่ง  ในเทพนิยายกรีก มีบุรุษ  2  นายขนาบข้างประธาน  คบเพลิง ส่องแสงแดงฉานโชติช่วงสะท้อนให้เห็นหน้าของเจ้าของชีวิตในคืนนี้เพียงด้านข้างเท่านั้น  เป็นชายผิวคล้ำผมหยักศกผอมบาง...แต่สง่างามยิ่งนัก

                .........นาทีนี้นิสิตชายได้มาพร้อม    สถานลงทัณฑ์แห่งนี้แล้ว  ยังคงมีแต่นิสิตหญิงกำลังเดินมายืนทางด้านทิศตะวันตกหันหน้าเข้าหาสระเขียวขจีโดยยืนหน้ากระดาษเรียง  3  เว้นวรรคเป็นกลุ่ม  แสดงให้เห็นว่าคงเป็นกลุ่มนิสิตแต่ละหอพักพอนิสิตทุกหอมายืนครบถ้วนแล้ว.... บัดนั้น  ได้ยินเสียงเข้มแต่ดุดันไม่แพ้ชายเรียกขาน ...ตึก...ชงโคพร้อม!  ตึก....บุษกรพร้อม! หอ  ...คัทรียาพร้อม!...หอบางแค  พร้อม! เมื่อเจ้าแม่แห่งการปกครอง  สารวัตรนิสิตหญิงท่านพี่ปราณีฯ ได้เรียกขานความพร้อมของนิสิตที่มายืนเป็นพยาน  ในสถานแห่งนี้  รวม  4 ตึก  2  หอ  เรียบร้อยแล้ว  คบไฟ  2  ดวง  บนสปริงบอร์ด  เริ่มยกชูขึ้นและแล้วก็ปรากฏเสียงทุ้มและกังวานมีอำนาจสมชื่อดังขึ้น.......ท่ามกลางความเงียบสงบวังเวง  “นิสิตทั้งปวง    มหาสมาคมแห่งนี้  จงฟัง”  ประกาศ  องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

                ......เรื่อง  ให้ลงโทษนิสิตทำตัวไม่เหมาะสมเป็นเหตุให้แตกแยกความสามัคคี...อาศัยอำนาจตามธรรมนูญการปกครององค์การมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ปี  พ.ศ.  2486  แก้ไขเพิ่มเติม  พ.ศ.  2510    ด้วยมีนิสิตชาย  คณะวนศาสตร์  ปี  2  คือนายมีเดช  อนันต์แสงได้บังอาจชกต่อยนายชาย  ใจทระนง  นิสิตคณะเกษตร  โดยนายชายฯ  ไม่มีทางต่อสู้เนื่องจากรูปร่างเล็กกว่า  ทั้งที่ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมห้องกันนายมีเดชทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมห้องด้วยการใช้กำปั้นต่อยคู่ความหมัดเดียวจอด  ด้วยความผิดที่ว่า  นายชายนอนเตียงบนแล้วดิ้นมาก  ทำให้นายมีเดช นอนไม่หลับ  อันเป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้  เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี  อาจเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกความสามัคคีในหมู่คณะได้  จึงอาศัยอำนาจตามความในธรรมนูญการปกครอง  องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  พ.ศ.  2486  แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.  2510  มาตรา  17  อันเป็นบทหนัก  ลงโทษนายมีเดช อนันต์แสงด้วยการถีบน้ำ  10  แรงถีบ  แต่นายมีเดชฯได้ให้การอันเป็นประโยชน์และรับสารภาพแต่โดยดี  ให้ลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ  5  แรงถีบและให้ขอโทษนายชายด้วยการจับมือคืนดีกันโทษอื่นให้รอลงอาญาไว้  1  ปี  ลงวันที่  10  ธันวาคม  พ.ศ.  2511  ผู้รับสนองบัญชา  .....นายอำนาจ  ส่องเมือง  ประธานปกครองนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์...........

                .....พอสิ้นเสียงประกาศก็ได้ยินเสียงผรุสวาทของเหล่าบรรดานิสิตชายรอบๆ  สระเขียวขจีดังอื้ออึง...

                “พันธุ์นี้มันไม่ดีห้ามนำไปต่อยอด” !! ”

                “แน่จริงไปต่อยกับมูฮัมมัด  อาลี”

                “เอาไปไถนาแข็งแรงดีนัก”

                “มีเรื่องทั้งปี  ไม่มีสมองบ้างหรืออย่างไร

                ยังมีเสียงด่าทอ  ถ้าดูไปแล้วเป็นเรื่องขำขันปนรำคาญมากกว่า  ที่ทำให้บางคนต้องอดหลับอดนอนต้องมาเป็นสักขีพยาน  สำหรับพวกเราน้องใหม่กลับดีใจที่ได้เห็น  แต่ยังไม่กล้าผสมโรงได้แต่นิ่งเงียบกันหมดมีเพียงพี่ปีสองต่างส่งเสียงประณามกันอย่างสนุกสนามดูไปก็น่ากลัวปนน่าขบขัน  ....และแล้วก็เห็นต้นเหตุเป็นบุรุษหนุ่มได้เดินออกมาโดยนุ่งกางเกงขาสั้น  เป็นกางเกงว่ายน้ำเพราะมันกระชับรูปส่วนบนนั้นเปลือยให้เห็นแผงอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามไม่ว่าจะเป็นแผงอกลำแขนขาต้นคอมิน่าเล่าถึงได้หมัดเดียวจอดเหมือนไอ้หมัดทะลวงไส้  เขาทราย  กาแล็กซี่  แชมป์โลกตลอดกาลไม่เคยเสียแชมป์ให้ผู้ใดเลย  นายแน่มาก  เมื่อผู้ถูกกล่าวหาเดินออกมายืนสุดแผ่นสปริงบอร์ดแล้วยืนตัวตรงมือสองข้างแนบลำตัวเพราะมันเป็นกฎและแล้วคำสั่งประกาศิต จากผู้พิพากษาจำเป็นได้เริ่มดังขึ้น...

                .........พลถีบพร้อม  “ปฏิบัติ”  ...พอสิ้นกระแสความปรากฏชาย  2  คนเดินไปยังด้านหลังของผู้ต้องโทษ  และแล้วก็เท้าขวาทั้งสองนาย  ยกขึ้นถีบไปยังบั้นเอวของผู้ต้องโทษด้วยความแรง ..บนคลองจักษุของพยานรอบสระเขียวขจีแห่งนั้น  ร่างมหึมามะขามข้อเดียวบัดนี้ลอยตัวหลุดออกจากสปริงบอร์ด  โดยการทะยานลงอย่างมีทักษะของนักว่ายน้ำคือ  ยกมือขึ้นเหนือศีรษะแนบเข้าหากันพุ่งหลาวลงมหานทีของเราอย่างสวยงาม  .....เสร็จไปแล้วสองแรงยังเหลืออีก  สามแรงถีบ  ผู้ห้องหาขึ้นมายืนที่เดิม  ...และแล้วประกาศิตครั้งที่สองก็เปล่งออกมาจากลำคออันเล็กแต่เต็มไปด้วยอำนาจ  ..  “ต่อไปอีก  3  แรงถีบ  ปฏิบัติ”    ...แล้วชาย  3  คนก็เตรียมตัวรอการนับจากผู้ทรงอำนาจ.... ก่อนที่ขบวนการจะเดินต่อไป  ข้าพเจ้าถูกเจ้าเมธฯ  เพื่อนร่วมห้องสกิดที่แขนเบาๆ  “เฮ้ยนารถ  กันว่าละครว่า  ดูท่าที่พี่มีเดชฯ แกไม่สะทกสะท้านอะไรเลยเวลาแกโดนถีบแกยังมีลูกเล่นเหินเวหาพุ่งหลาวลงเหมือนนกกินปลาถลาลงโฉบจิกเอาเจ้ามัจฉาในวารีขึ้นไปเฉยเลยว่ะ”  เจ้าเมธฯมันไม่เบาช่างเปรียบเทียบเล่นคำซะด้วย  ต่อมาถึงคราว  เจ้าแก่  อรุณชัยฯบ้าง  หมอเริ่มออกความเห็นหลังจากเงียบกริบมานาน  “เราว่าคงประจานเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง  เจ้าแก่มองโลกในแง่ดี เจ้าชินหัวสมัยใหม่บอกว่า  “การประจานเป็นของป่าเถื่อนของคนหลังเขาเขาเลิกใช้กันแล้ว”  เจ้าชินให้แง่คิดไปอีกแบบ..................

                .....แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ดำเนินไปในสิ่งที่มันต้องเป็นเพชฌฆาต  ทั้ง  3  นาย  ที่ได้รับสั่งการก็เดินช้าๆ  ครั้งนี้มีการนับได้ยินจากจอมประกาศศิต  เสมือนตอนที่ท่านเปาบุ้นจิ้นสั่งเปิดมีดอย่างใดก็อย่างนั้น  ....รันนิ่งบัมเบอร์เริ่มแล้ว  มันคงเป็น  ลับ  ลวง  พราง  แน่นอน  เพราะมันเป็นการนับย้อนศร....สาม..สอง..ทันทีที่สิ้นกระแสเสียง  ...เราทั้งหมดเริ่มเห็นพี่มีเดชฯเริ่มไหวตัวไม่นิ่งเหมือนเดิม...ยังไม่ทันที่สมองของพวกเราทั้งหมดหลายจะคิดได้ต่อ  ต่างตกตะลึงเมื่อเห็นเพชฌฆาตทั้งสามก้าวเข้าหานักโทษด้วยความรวดเร็ว.. บัดดลนั้นครองจักษุก็เห็นร่างกำยำปานขุนเขาดุจพญาฉัททันต์  ..ถลาไม่เป็นท่า  ลงกระทบมหานทีของชาวเกษตรศาสตร์  เสียงดังสนั่นปานฟ้าจะถล่มทะลาย  เมื่อร่างนั้น  หล่นจากสปริงบอร์ด  โดยเอาหลังลงกระกระทบวารีสีมรกต  น้ำกระเซ็นมากระทบถึงพวกเราที่ยืนรอบขอบสระแถวแรกกันเกือบทุกคน เมื่อแถวหน้าผงะแถวหลังก็รวนตาม  เสียงร้องบริภาษของพี่ปี 4  เริ่มดังขึ้นอีกแล้ว................

                                “เฮ้ย  ไอ้ยักษ์  ตั้งแต่เกิดเป็นคนมานี้กันไม่เคยเห็นช้างตกน้ำเลยวะ  ฮะ!...ฮะ

                                “แล้วชาติก่อนนายเกิดเป็นสุนัขหรือไงวะ  ถ้าไม่ได้เกิดเป็นคน”

                                “ไอ้ยักษ์  ไอ้ม้า  เลิกคุยเสียทีรำคาญวะ  ดูซิวะน้ำเกือบเกลี้ยงสระเลยยุ่งแล้วโว้ย”

                                “ให้มันได้ยังงี้ซิลูกเล่นมันมากนักเจ้าหมอนี่สมัยปีหนึ่งกว่าจะเอาเจ้านี้อยู่  เกือบตาย”

                                “เสธฯ  ของเราวางแผนแก้เกมได้ดีวะ”

                                “เข็ดไปนานแล้วละเองเอ่ย  รู้จักเกษตรน้อยไป”

ไม่ทันที่ทุกเสียงอยากจะระบายอารมณ์  แต่มองไปที่ท้องน้ำกลับสงบเงียบ  แม้แต่การกระเพื่อมเล็กๆ น้อยก็ไม่ปรากฏให้เห็นทุกเสียงในปริมณฑลแห่งนั้น  บัดนี้เงียบและวังเวงอย่างไรชอบกล    .. ....เวลาผ่านมาประมาณ  5  นาที  แล้วยังไม่เห็นร่างของนิสิตคนที่ตกน้ำเสียงดัง  “ป๊าบ”  ว่ายขึ้นมาหาฝั่งแต่อย่างใด….?

                .......ฟ้าสางแล้ว  ทิศด้านหลังองค์การนิสิตอาทิตย์  เริ่มเปล่งแสงจากตนเองประดุจดังเทพแห่งอัคคีช่วงเวลานี้หากเป็นพระภิกษุคงมองเห็นเส้นลายมือตนเองก็รีบออกบิณฑบาตแล้ว  เป็นเช่นนี้ชั่วนาตาปีรอบๆ สระขจีที่เคยมืดมิด  เริ่มมองเห็นแผ่นน้ำโดยไม่ต้องอาศัยคบไฟ  หากแต่บนผิวน้ำไม่ปรากฏร่างของผู้ถูกลงโทษให้เห็นแต่อย่างใด  ความกังวลกระวายปรากฏบนสีหน้าของรุ่นพี่....หากปรากฏว่าเป็นอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นเหนือความระมัดระวังและความคาดหมาย  คณะกรรมการปกครองจะต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ด่วน    ...ปกติเวลานี้นิสิตหญิงต้องกลับหอหมดแล้วแต่สถานที่นี้ยังคงคราคร่ำไปด้วยนิสิตเต็มไปหมดร่วมทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาประจำหอทุกคนมีสีหน้าเครียด  ยืนประชุมหารือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น.........

                                “นี้มันก็เกือบ  10  นาทีแล้วนักกีฬาโปโลของเรา  10  คนพากันลุยงมหาทั้งๆ  ที่แต่ละคนก็ดำน้ำอึดทั้งนั้น  ยังหาไม่เจอ”  พี่อำนาจฯ  ซึ่งรับหน้าที่ประธานปกครองและเป็นประธานในวันนี้  บ่นขึ้นมา  ดูสีหน้าแล้วเห็นคิ้วขมวดเข้าชิดกันเกือบเป็นเส้นตรงแสดงว่าเครียดน่าดูชมล่ะ..

                                “มันเรื่องใหญ่แล้ว  เราไปแจ้งความไว้ก่อนดีไหม

พี่ยักษ์  อ.ต.ร.  ที่เราเคยเห็นภาพในห้องประชุมเมื่อตอนประชุมองค์การวันแรก  บัดนี้ใบหน้าเหี้ยมเกรียม  มาดเหมือนขุนศึกผู้กล้าดูมีสีหน้ากังวล  ... สิ่งที่เราเคยเห็นมันเป็นภาพลวงตาซะแล้ว  เป็นเราก็คงไม่น้อยกว่าพี่  เพราะมันเป็นความรับผิดชอบต่อชีวิตคน  ที่สูงมากในทางกฎหมายก็ถือว่าการกระทำโดยประมาทอันเป็นเหตุให้คนตาย  แต่สิ่งที่เหนือกว่านั้นสิ  ความรับผิดชอบต่อชื่อเสียงมหาวิทยาลัย  มันยิ่งใหญ่ประดุจขุนเขาพระสุเมร  นึกไปถ้าเป็นเราขอยอมตายแทนเสียดีกว่า

                ......ผมเป็นคนชอบสอดรู้สอดเห็นพยายามเร้นกายอันผอมบางไปเป็นอีแอบ  แอบฟังนะครับไม่ใช่ไส้เดือนได้ยินพี่อำนาจระบายความในใจให้พี่ยักษ์ฟัง........

                                “ไอ้เราก็สืบมาหมดแล้วหมอนี่มันเก่งทั้งว่ายน้ำดำน้ำเป็นนักมวยด้วย  นี้แหละเข้าว่าปลาใหญ่มักตายน้ำตื้น  กรรมโว้ยเรากินข้าวแดงแน่ไอ้ยักษ์เอ๋ย”  สิ้นเสียงอันอ่อนระโหยโรยแรง 

                ....ทันใดนั้นมีเสียงโครมครามจากในสระเขียวขจีด้านมุมคาเฟทีเรีย  ...ปรากฏมีร่างทะลึ่งพราดขึ้นมาประดุจเจ้าจระเข้ชาละวันต้องหอกไกรทองขึ้นมาบนผิวน้ำ  หาใช่ใครไม่...เขาละ...จอมขมังเวทย์มีเดช  สุดแสบของเรานั้นเอง  ....และแล้ว เหล่าทหารน้ำหน่วยนาวิกโยธินประจำถิ่น  รีบกระโจนเข้ารวบตัว  เอาไปสอบที่ห้องทำงานของประธานปกครอง  บัดดลฝูงชนที่รายล้อมต่างโยกย้ายกันหลับหอตัวเองพร้อมกับพกพาเก็บความกังขาไว้ในใจกันทุกคน.....!?

 


Last updated: 2014-05-06 12:40:19


@ เหินเวหาท้ามรกตนที ตอนที่ 2
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ เหินเวหาท้ามรกตนที ตอนที่ 2
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,539

Your IP-Address: 18.226.248.88/ Users: 
1,537