กรอก email ที่ต้องการส่งแล้วกด Send
การทำธุรกิจเหมือนการแข่งขัน ต้องมุ่งมั่นที่จะได้ชัยชนะ
 
     
 
พะยูงฤาจะสูญสิ้นแผ่นดินไทย (๗)
พฤติการณ์แห่งการกระทำของผู้ต้องหานี้เป็นความผิดฐาน มีไม้หวงห้ามแปรรูปเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484
 

จากตอนที่ 6 ได้กล่าวถึงภารกิจของผู้จับกุมในฐานะพนักงานสืบสวน  ต่อมาเราจะมาดูภารหน้าที่ของพนักงานสอบสวน คือตำรวจบ้างว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร  พนักงานสอบสวนมีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน  รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในทางคดี  มีอำนาจในการออกหมายเรียก  และร้องขอให้ศาลออกหมายค้นและออกหมายจับ  ในเรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้ไปตรวจที่เกิดเหตุ  ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา  และออกไปสอบปากคำราษฎรเจ้าของที่ดิน  ฉะนั้น พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมหลักฐานคือ...

                1.รวบรวมหลักฐานที่เกิดเหตุโดยการถ่ายภาพ ในวันที่  8  สิงหาคม  2549

                2.รวบรวมพยานวัตถุ  อันมีไม้ของกลาง  5 รายการ

                                2.1 ไม้พะยูงแปรรูป  จำนวน  70  เหลี่ยม  ปริมาตร  5.639  ลูกบาศก์เมตร

                                2.2 ไม้ประดู่แปรรูป  จำนวน  45  เหลี่ยม  ปริมาตร  5.152  ลูกบาศก์เมตร

                                2.3 ไม้สาธรแปรรูป   จำนวน  36  เหลี่ยม  ปริมาตร  6.013  ลูกบาศก์เมตร

                                2.4 ไม้พะยูงท่อน     จำนวน  56  ท่อน    ปริมาตร  8.423  ลูกบาศก์เมตร

                                2.5 ไม้ประดู่ท่อน     จำนวน  13  ท่อน    ปริมาตร  1.963  ลูกบาศก์เมตร

                                2.6 รวมไม้ทั้งสิ้น     จำนวน  220  ท่อน  ปริมาตร  27.190  ลูกบาศก์เมตร

                3. มาถึงชั้นรวบรวม พยานเอกสาร ได้รวบรวมเอกสารที่ฝ่ายผู้ต้องหายื่นและที่เราจัดแสวงหาทั้งบันทึกการจับกุมตรวจสอบไม้ เช่น      

                                3.1 บันทึกการยึด – จับกุม  ลงวันที่ 28 สิงหาคม  2549 พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน  33  แผ่น

                                3.2 บันทึกการตรวจยึดไม้  ลงวันที่  29  สิงหาคม  2549  พร้อมบัญชีรายการไม้    จำนวน  2  แผ่น

                                3.3 หนังสือจาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9  ด่วนที่สุด  ที่  ทส  0919/4352      ลงวันที่  4  ตุลาคม  2549  เรื่อง  การส่งบันทึกการตรวจสอบบัญชีไม้ของกลาง  พร้อมบันทึกการตรวจสอบบัญชีไม้ของกลางและบัญชีรายการไม้ท่อน – ไม้แปรรูปที่ตรวจยึด  (แก้ไขถูกต้องแล้ว)  จำนวน  12 แผ่น 

                                3.4 หนังสือจาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่  9  ด่วนที่สุด  ที่ ทส  0919/3802             ลงวันที่  31  สิงหาคม  2549  เรื่อง  ส่งเอกสารหลักฐานการตรวจสอบตอไม้คดีราย นายระพีพัฒน์ฯ  พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง  จำนวน  221  แผ่น

                                ในรายการข้อ  3.4  เป็นเอกสารที่คณะผู้จับกุมไปตรวจสอบบันทึกปากคำราษฎร  และภาพถ่ายตอไม้พร้อมการเปรียบเทียบและลงความเห็นไว้เสร็จ ครั้งแรก  จำนวน  10  ราย

                                3.5  หนังสือจาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9  ด่วนที่สุด  ที่ ทส 0919/4272         ลงวันที่  29  กันยายน  2549  เรื่อง  การส่งเอกสารหลักฐานการตรวจสอบไม้คดีราย นายระพีพัฒน์ฯ  พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง  จำนวน  132  แผ่น

                                ในกรณีข้อ  3.5  ก็เช่นเดียวกับข้อ  3.4  เป็นรายงานการตรวจไม้ที่เหลือ จำนวน  4  ราย

                                3.6 สำเนาพระราชกฤษฎีกา กำหนดไม้หวงห้าม  พ.ศ.2530  จำนวน  5  แผ่น

                                ในกรณีข้อ 3.6 ก็สำคัญถ้าไม่มีแนบไป  จำเลยอาจต่อสู้ได้ว่าไม่ทราบว่าไม้ที่ครอบครองเป็นไม้หวงห้าม  ฎีกาป่าไม้เคยยกฟ้องมาแล้ว ต้องให้ความสำคัญด้วย

                                3.7 สำเนาประกาศกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้  ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พุทธศักราช  2484  จำนวน  3  แผ่น

                                ในกรณีข้อ 3.7  ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกับ ข้อ  3.6  ต้องหาแนบไปให้ อย่าคิดว่าเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ  หากมีการนำสืบอาจยกฟ้องได้

                                3.8 หนังสือจาก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9  (ลับ)  ด่วนที่สุด  ที่ ทส  0919.2/74       ลงวันที่  29  กันยายน  2549  เรื่อง ส่งเอกสารการดำเนินคดีรายนายระพีพัฒน์ฯ  จำนวน  4  แผ่น

                             ในกรณีข้อนี้เป็นหนังสือที่จังหวัดส่งมาให้เป็นวิทยุของสายข่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2 (กอ.รมน. ภาค 2)  แจ้งว่านายระพีพัฒน์ฯ มีพฤติกรรมการค้าไม้พะยูง  ทางเราจึงส่งให้พนักงานสอบสวนเพื่อประกอบสำนวนจะได้เพิ่มน้ำหนักของฝ่ายโจทก์

                         3.9 หนังสือจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุบลราชธานี            ที่ อบ.0013/2259  ลงวันที่  4  ตุลาคม  2549   เรื่อง ขอผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ชนิดไม้ของกลาง   จำนวน  2  แผ่น

                                3.10 หนังสือนายระพีพัฒน์ฯ  ขอความเป็นธรรมตรวจสอบไม้  และส่งหลักฐานการได้มาของไม้  ลงวันที่  29  กันยายน  2549  จำนวน  14  ราย  พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง  จำนวน  179  แผ่น

                4.มาถึงชั้นรวบรวมบุคคลที่เกี่ยวข้องและพยานบุคคล

                                4.1 เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว  พนักงานสอบสวนได้ขอหมายศาล            เป็นหมายจับนายระพีพัฒน์ฯ  และศาลได้ออกให้ตามหมายจับที่  จ.362/2549 ลงวันที่  1  กันยายน  2549  และต่อมาผู้ต้องหาได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ  จึงจับกุมตามหมายจับ  แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ  ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

                                4.2 พนักงานสอบสวนจึงได้สอบปากคำผู้กล่าวหา นายประเวศฯ  ผู้ต้องหา นายระพีพัฒน์ฯ  และได้สอบพยานพนักงานป่าไม้  อีก  3  นาย  เจ้าของที่ดินที่ให้เช่า และออกไปสอบราษฎรเจ้าของที่ดินที่นำมาอ้าง  จำนวน  14  ราย  สอบพนักงานหญิงและผู้ที่ถูกอ้างว่าซื้อไม้แล้วเอามาขายให้นายระพีพัฒน์ฯ  เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก  1  นาย  รวมพยานทั้งสิ้น  21  ปาก

                เพื่อให้การเดินเรื่องไม่เยิ่นเย่อ  หากเป็นวิชาการเกินไปผู้อ่านจะเบื่อ  แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าศึกษา  หากผู้ใดที่คิดว่าตนเองขาดประสบการณ์  ผู้เขียนพยายามจะเจาะลึกให้เห็นขบวนการสืบสวนสอบสวน      และรายงานการสอบสวน  หากมีท่านผู้รู้จะแนะนำเพิ่มเติมขอน้อมรับ  เรามาเข้าจุดสุดท้ายดูซิว่า  พนักงานสอบสวนจะลงความเห็นอย่างไร...

                ความเห็นของพนักงานสอบสวนความว่า...

                จากการสอบปากคำผู้กล่าวหา พยานที่ร่วมพิสูจน์ไม้ของกลาง เปรียบเทียบกับตอไม้ในที่ดินที่ถูกอ้างถึง  ได้ให้การถึงรายละเอียด  วิธีการตรวจเปรียบเทียบเป็นขั้นเป็นตอน  มีหลักเกณฑ์การตรวจชัดเจนสามารถตรวจสอบได้  ยืนยันของกลางในคดีนี้เป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับเจ้าของที่ดินทั้ง 14  ราย  ซึ่งถูกอ้างการได้มาของไม้ของกลาง  ต่างไม่เคยมีใครรู้จักกับผู้ต้องหารายนี้มาก่อน  และไม่เคยขายไม้ให้แก่ผู้ต้องหารายนี้มาก่อนแต่อย่างใด  ไม่ทราบว่าเอกสารไปอยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาได้อย่างไร  เอกสารหลายรายการได้รับการรับรองจากเจ้าของที่ดิน  ยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือของตน  เมื่อพิจารณาจากพยานเอกสารที่ผู้ต้องหาอ้าง  และยื่นต่อพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม ร้องขอความเป็นธรรมเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านป่าไม้  มาร่วมตรวจพิสูจน์  เอกสารที่ยื่นทั้ง  14  ราย  เป็นเอกสารเดียวกันกับที่เคยยื่นให้กับผู้กล่าวหากับพวก  แตกต่างกันเพียง  2  ราย  และเมื่อมีการตรวจพิสูจน์ตอไม้เปรียบเทียบกับไม้ของกลาง  ซึ่งผู้กล่าวหากับพวกได้ยืนยันข้อเท็จจริง  อีกทั้งพยานเจ้าของที่ดินซึ่งถูกอ้างถึงก็ได้ให้การในรายละเอียดของไม้ในที่ดินของตน    จึงเชื่อได้ว่าไม้ของกลางจำนวน  220 ท่อน/เหลี่ยม  ปริมาตร  27.190  ลูกบาศก์เมตร  เป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย  ขณะตรวจที่เกิดเหตุมีการล้อมรั้วด้วยไม้ไผ่ขัดเตะ  ปกปิดมิดชิด  มีหมอนไม้แปรรูปและไม้ท่อนรวมกองกันอยู่  และมีกระจัดกระจายทั่วบริเวณในที่เกิดเหตุทำเพิงขึ้นมีหลังคาทำด้วยพลาสติกดำมุงไว้    มีร่องรอยการแปรรูปไม้ด้วยขวานถาก และเลื่อยโซ่ยนต์  พบเศษไม้และขี้เลื่อยตกอยู่เป็นจำนวนมากทั้งเก่าและใหม่  ซึ่งเป็นลักษณะของโรงงานหรือสถานที่ใดที่จัดขึ้นไว้เป็นที่ทำการแปรรูปไม้  รวมถึงบริเวณโรงงานหรือสถานที่นั้นด้วย  เมื่อพิจารณาพยานหลักฐานที่รวบรวมมาเห็นว่า... 

                พฤติการณ์แห่งการกระทำของผู้ต้องหานี้เป็นความผิดฐาน มีไม้หวงห้ามแปรรูปเกิน  0.20  ลูกบาศก์เมตร ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งปริมาตรไม้เกิน  2.00 ลูกบาศก์เมตร โดยไม่ได้รับอนุญาต  และมีไว้ครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามไม้ท่อนอันยังมิได้แปรรูปเกิน  4.00  ลูกบาศก์เมตร โดยมิได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติป่าไม้  พุทธศักราช  2484  มาตรา  4 (2) (3) (4) (13) 6, 48, 69,73  ทางคดีมีหลักฐานพอฟ้อง  จึงเห็นสมควรสั่งฟ้องนายระพีพัฒน์ฯ  ตามกฎหมายที่อ้าง...จึงเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อโปรดพิจารณา...(ลงชื่อ)  พันตำรวจตรีอุทัยฯ  ตำแหน่ง พนักงานสอบสวน สบ.๒ สถานีตำรวจภูธรอำเภอพิบูลมังสาหาร... ความเห็นของหัวหน้าพนักงานสอบสวน  “เห็นควรสั่งฟ้องนาย       ระพีพัฒน์ฯ  ทุกข้อกล่าวหา  และทุกฐานความผิดทั้งหมด”  (ลงชื่อ) พันตำรวจเอก  ตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอพิบูลมังสาหาร...  “ควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา  ทุกข้อกล่าวหา และทุกฐานความผิดทั้งหมด”  (ลงชื่อ)  นาย...  ตำแหน่ง นายอำเภอพิบูลมังสาหาร”...  เราจะเห็นได้ว่าคดีเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ  จะให้นายอำเภอเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนร่วมด้วยทุกคดี... 

                ต่อไปเป็นการสืบสวนในชั้นศาล  เพราะเมื่อพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้อัยการ  ในชั้นแรกเป็นอัยการผู้ชาย  ต่อมาท่านย้ายเรื่องจึงมาอยู่ในความรับผิดชอบของอัยการสุภาพสตรี  ขอให้ท่านผู้อ่านลองมาติดตามการทำหน้าที่ของท่านอัยการเจ้าของคดีที่เป็นสุภาพสตรี  และผู้พิพากษาก็เป็นสตรีเช่นเดียวกันในตอนที่ (8)...


 

 


Last updated: 2014-04-11 11:36:17


@ พะยูงฤาจะสูญสิ้นแผ่นดินไทย (๗)
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ พะยูงฤาจะสูญสิ้นแผ่นดินไทย (๗)
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
1,202

Your IP-Address: 3.21.21.209/ Users: 
1,201