กรอก email ที่ต้องการส่งแล้วกด Send
จงยินดีที่เป็นผู้ให้ มากกว่าจะเป็นผู้รับ
 
     
 
พุทธป่าไม้
รู้สึกวังเวงใจอย่างไรบอกไม่ถูก กับข่าว...
 

.ข่าวมหาเจดีย์ที่เมืองกาญจน์
รับโทษศาลสั่งผิดมารุกป่าไม้
ที่ดินป่าราวห้าร้อยยี่สิบไร่
อนาถใจเหลือล้นคนชาวพุทธ

.ท่านแม่ชีบงกช สิทธิผล
หวังกุศลสร้างไว้ใจบริสุทธิ์
เป็นดินแดนมหามงคลผลวิมุต
ช่วยคนหลุดพ้นทุกข์พบสุขจริง

.เริ่มก่อสร้างครั้งยามปีสามสี่
จากถิ่นที่อันตรายมากมายยิ่ง
ค่อยต่อเติมเสริมไปหมายแอบอิง
ให้พึ่งพิงเพียรหาใฝ่คว้าธรรม

.ด้วยมุ่งมั่นมากยิ่งสอนสิ่งดี
ผ่านหลายปีคนนับถือเลื่องลือย้ำ
บริจาคจัดร่วมไปใฝ่น้อมนำ
พาล่วงล้ำรุกป่าไม้ไปมากมี

.สร้างอาคารปฏิบัติทำวัตรไว้
ปลูกต้นไม้ปรับทิวทัศน์จัดถิ่นที่
เน้นสะอาดสงบใจสบายดี
อันช่วยชี้เชิงธรรมนำบวชใจ

.ยิ่งนานวันคนพาศรัทธาล้น
หลายแห่งหนไทยเทศเขตไกลใกล้
เกิดขยายสาขาพาเกรียงไกร
ทั้งฝักใฝ่ได้แผ่บุญหนุนสังคม

.เพียงติดขัดข้อกฎหมายไม่นำพา
ควรเร่งหาทางแก้ไขให้เหมาะสม
ด้วยมากมายพระรุกป่ามานานนม
หากตรวจจริงยิ่งระทมตรอมตรมใจ

.ทั้งมีข้อขอกังขาเจ้าหน้าที่
ปล่อยสิ้นดีให้เขาบุกรุกป่าไม้
แต่เริ่มต้นไยไม่ขวางเกียร์ว่างไป
จนเรื่องใหญ่จึงคิดแก้แย่เหลือเกิน

.ครูนิด วนศาสตร์(ชมรมสีเสียดแก่น)

www.lookforest.com

แรงดลใจ:อ่านข่าวเกี่ยวกับการผิดกฎหมายป่าไม้รายนี้แล้วรู้สึกวังเวงใจ โดยมีเนื้อหาพอสรุปได้ดังนี้

"จากกรณีนางบงกช สิทธิผล หรือแม่ชีบงกช บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยมิได้รับอนุญาต จำนวน 520 ไร่ รวมทั้งร่วมกันก่อสร้างพระมหาเจดีย์ 1 หลัง และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ อีก 35 หลัง มาตั้งแต่ปี 2534 ต่อมามีชาวบ้านร้องเรียน จนนำไปสู่การดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่ง และเมื่อเดือน มิ.ย.2560 ศาลฎีกา (ความแพ่ง) ได้ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 57,709,819.84 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้นดังกล่าวนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.62 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เผยว่า คดีแม่ชีบงกชแม้สิ้นสุดแล้ว โดยคดีอาญา โทษจำคุกจำเลย ให้รอลงอาญา 2 ปี และคดีแพ่ง ให้ชำระเงินจำนวนกว่า 57 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2534 แต่ปรากฏว่าปัจจุบัน กรมป่าไม้ยังไม่ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาและจำเลยยังไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากพื้นที่ป่าสงวนฯ ดังนั้น กรมป่าไม้ จะดำเนินการขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว โดยไม่มีการรื้อถอน และจะทำหนังสือสอบถามความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลัง เพราะในพื้นที่ดังกล่าว มีการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ ขนาดใหญ่บนภูเขา มีขนาดสูงมากขนาดเท่าคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่หลายสิบชั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 300 ไร่ถ้ามีการรื้อถอน จะต้องใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงมาก กรมป่าไม้ไม่มีงบประมาณมากขนาดนั้น และการรื้อถอน อาจทำให้พื้นที่ป่าหรือระบบนิเวศถูกทำลายเพิ่มเติมได้ ที่สำคัญการรื้อถอนพระมหาเจดีย์ จะกระทบจิตใจของเหล่าพุทธศาสนิกชนในพื้นที่และผู้มีจิตศรัทธา โดยกรมป่าไม้จะนำพื้นที่ของสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหมดที่มีการบุกรุกป่าสงวนฯกว่า 500 ไร่ ทั้งพระมหาเจดีย์ 1 หลัง และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆอีก 35 หลัง มาใช้ประโยชน์ โดยจะทำเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสำหรับข้าราชการกรมป่าไม้และหน่วยราชการต่างๆ รวมทั้งอาจจะทำเป็นค่ายพุทธบุตรให้นักเรียนได้มาปฏิบัติธรรม"

มีความเห็นส่วนตัวในการสนับสนุนแนวความคิดของท่านอธิบดีอรรถพลข้างต้น เพราะน่าจะเกิดประโยชน์ในหลายด้านมากกว่าการรื้อถอนตามที่กฎหมายกำหนดไว้ เพียงแต่เป็นห่วงถึงแนวทางและกลไกต่อการดำเนินการให้เกิดความยั่งยืนเท่านั้น ซึ่งน่าจะได้มีการกำหนดความร่วมมือกันของ 3 ภาคี คือ หน่วยงานราชการ ประชาชนและพระสงฆ์ ในการดำเนินการตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ครม.เคยมีมติไว้แล้วเมื่อ 18 เมษายน 2538 ในการวางแนวทางการปัองกันและแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งดูเหมือนว่าไม่ค่อยได้รับความสนใจกันมากนัก ทั้งที่เป็นหลักการที่ดียิ่งต่อทุกฝ่าย หากได้ลงมือทำกันอย่างจริงจัง


Last updated: 2023-06-03 21:51:33


@ พุทธป่าไม้
 


 
     
เชิญท่านเป็นบุคคลแรกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความ พุทธป่าไม้
 
     
     
   
     
Untitled Document
 



LFG
www.lookforest.com|บทความ|โปรแกรมคาร์บอนต้นไม้|ฐานข้อมูลชีวภาพ|เครือข่ายฟาร์มป่าไม้|ติดต่อบรรณาธิการ
Powered by: LOOK FOREST GROUP
23/1 ซอยรัชดาภิเษก 64 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม.
Clicks: 
213

Your IP-Address: 18.119.28.213/ Users: 
211